มนุษย์เงินเดือน
ถ้าคุณ...ยังคงดำรงชีวิตวนเวียนอยู่ในวัฎจักรชีวิตของมนุษย์เงินเดือน
คุณควรอ่าน...
มนุษย์เงินเดือน คือ.. "มนุษย์เงินเดือน" เป็นคนกลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่งของสังคมไทย
เป็นคนที่มีศักยภาพสูง แต่หลายคนไม่ได้ดึง เอาศักยภาพที่มีอยู่มาใช้อย่างเต็มที่
ซึ่งแต่ละคนก็มีเหตุผลแตกต่างกันไป เช่น ทำมากไปก็ได้เงินเดือน เท่าเดิม
ไม่มีโอกาสได้ใช้ศักยภาพที่มีอยู่ เพราะข้อจำกัดของตำแหน่งหน้าที่ ทำมาก ทำน้อยเราก็ไม่ได้มี แต่นายจ้างเท่านั้นที่ได้ นอกจากนี้มนุษย์เงินเดือนเกือบทุกคนอยากจะประสบความสำเร็จในชีวิตไม่ว่า
จะเป็นชีวิตการทำงาน หรือชีวิตส่วนตัว
บางคนพยายามดิ้นรนหาหนทางที่จะก้าวไปสู่เป้าหมาย บางคน โชคดีก็ไปถึงฝัน..
แต่อีกหลายคนที่ยังคงวนเวียนอยู่ในวัฎจักรของความฝันของตน ที่ยังไม่เป็นจริง..
มนุษย์เงินเดือนมืออาชีพ "มนุษย์เงินเดือน” อาชีพนี้ดีอย่างไร? .. ได้รับรายได้แน่นอนเท่ากันทุกเดือน
ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ โดยไม่ต้องลงทุนเอง
มีสังคมกว้าง ทันโลกทันเหตุการณ์
มีสวัสดิการดีกว่าคนทำกิจการส่วนตัว
ไม่มีล้มละลาย...
ทำงานเพียงหน้าที่ที่รับผิดชอบ
เบื่อเมื่อไร เปลี่ยนได้ทันที
มีวันหยุดเยอะ แถมหยุดแล้วได้เงินอีก
ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ โดยไม่ต้องลงทุนเอง
มีสังคมกว้าง ทันโลกทันเหตุการณ์
มีสวัสดิการดีกว่าคนทำกิจการส่วนตัว
ไม่มีล้มละลาย...
ทำงานเพียงหน้าที่ที่รับผิดชอบ
เบื่อเมื่อไร เปลี่ยนได้ทันที
มีวันหยุดเยอะ แถมหยุดแล้วได้เงินอีก
ข้อคิดสำหรับชีวิตการเป็นลูกจ้าง
ต้องเข้าใจบทบาทในหน้าที่นั้นอย่างถ่องแท้
ต้องปรับอารมณ์ให้เข้ากับบทบาทของงานในตำแหน่งที่ได้รับมอบหมาย
ต้องพร้อมที่จะซ้อมบทบาทใหม่อยู่ตลอดเวลา
ต้องคิดว่า “ทุกครั้งที่ทำเต็มที่ เราได้มากกว่าองค์กร”
ต้องมีจรรยาบรรณ
ต้องไม่เอาผลตอบแทนเป็นตัวนำ เพราะจะทำให้บทบาทการแสดงเปลี่ยนไป
ต้องเข้าใจบทบาทในหน้าที่นั้นอย่างถ่องแท้
ต้องปรับอารมณ์ให้เข้ากับบทบาทของงานในตำแหน่งที่ได้รับมอบหมาย
ต้องพร้อมที่จะซ้อมบทบาทใหม่อยู่ตลอดเวลา
ต้องคิดว่า “ทุกครั้งที่ทำเต็มที่ เราได้มากกว่าองค์กร”
ต้องมีจรรยาบรรณ
ต้องไม่เอาผลตอบแทนเป็นตัวนำ เพราะจะทำให้บทบาทการแสดงเปลี่ยนไป
มนุษย์เงินเดือนมือใหม่
ควรจะปรับตัวอย่างไร ?
เปิดการทักทายกับทุกคน
จดจำบุคคลสำคัญในองค์กรให้ได้
เรียนลัดจากคนเก่าและเอกสาร
อย่าคบคนเพียงกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเพียงกลุ่มเดียว
ฟังและถามให้มากกว่าพูด
เก็บข้อมูลโดยการจดบันทึก
เข้าร่วมกิจกรรมให้มากที่สุด
อย่าเพิ่งแสดงความคิดเห็นในเชิงลบ
เปิดการทักทายกับทุกคน
จดจำบุคคลสำคัญในองค์กรให้ได้
เรียนลัดจากคนเก่าและเอกสาร
อย่าคบคนเพียงกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเพียงกลุ่มเดียว
ฟังและถามให้มากกว่าพูด
เก็บข้อมูลโดยการจดบันทึก
เข้าร่วมกิจกรรมให้มากที่สุด
อย่าเพิ่งแสดงความคิดเห็นในเชิงลบ
เทคนิคการเปลี่ยนแนวคิดให้เป็นบวก
คิดเข้าข้างตัวเอง..
คบเพื่อนคิดบวก..
คิดถึงสิ่งที่แย่กว่า..
คิดว่าโอกาสที่มีคุณค่าคือจุดเล็กๆ ที่คนทั่วไปมองข้าม
สรุป : การคิดบวกถือเป็นพื้นฐานที่สำคัญสำหรับคนที่อยากจะเป็น “มนุษย์เงินเดือนมืออาชีพ” คนคิดลบเปรียบเสมือนถังขยะที่เก็บแต่สิ่งที่ไร้ค่าในขณะที่…คนคิดบวกเปรียบเสมือนคลังสมบัติที่เก็บแต่สิ่งที่ล้ำค่า จงทำงานให้มากกว่าเงินเดือน
เหตุผลสำคัญที่สนับสนุนแนวคิดนี้ คือ
ทำมาก...ได้ประสบการณ์มาก
ทำมาก... ได้สร้างผลงานให้ปรากฏ
ทำมาก …มีโอกาสเป็นบุคคลสำคัญขององค์กรมาก
ทำมาก...สบายในภายหลัง
คิดเข้าข้างตัวเอง..
คบเพื่อนคิดบวก..
คิดถึงสิ่งที่แย่กว่า..
คิดว่าโอกาสที่มีคุณค่าคือจุดเล็กๆ ที่คนทั่วไปมองข้าม
สรุป : การคิดบวกถือเป็นพื้นฐานที่สำคัญสำหรับคนที่อยากจะเป็น “มนุษย์เงินเดือนมืออาชีพ” คนคิดลบเปรียบเสมือนถังขยะที่เก็บแต่สิ่งที่ไร้ค่าในขณะที่…คนคิดบวกเปรียบเสมือนคลังสมบัติที่เก็บแต่สิ่งที่ล้ำค่า จงทำงานให้มากกว่าเงินเดือน
เหตุผลสำคัญที่สนับสนุนแนวคิดนี้ คือ
ทำมาก...ได้ประสบการณ์มาก
ทำมาก... ได้สร้างผลงานให้ปรากฏ
ทำมาก …มีโอกาสเป็นบุคคลสำคัญขององค์กรมาก
ทำมาก...สบายในภายหลัง
เส้นทางความก้าวหน้าในอาชีพ
ความก้าวหน้าในอาชีพของ “มนุษย์เงินเดือน” มักจะถูกกำหนดโดยองค์กร หรือเรียกว่าระบบ “เส้นทางความก้าวหน้าในอาชีพ” การเติบโตในเส้นทางความก้าวหน้าในอาชีพจะขึ้นอยู่กับปัจจัย 2 อย่าง คือ
1. ปัจจัยภายใน คือความพร้อมของตัวเราเอง
2. ปัจจัยภายนอก คือสถานการณ์ที่เอื้อหรือไม่เอื้อต่อการเติบโต
ความก้าวหน้าในอาชีพของ “มนุษย์เงินเดือน” มักจะถูกกำหนดโดยองค์กร หรือเรียกว่าระบบ “เส้นทางความก้าวหน้าในอาชีพ” การเติบโตในเส้นทางความก้าวหน้าในอาชีพจะขึ้นอยู่กับปัจจัย 2 อย่าง คือ
1. ปัจจัยภายใน คือความพร้อมของตัวเราเอง
2. ปัจจัยภายนอก คือสถานการณ์ที่เอื้อหรือไม่เอื้อต่อการเติบโต
เทคนิคการพัฒนา “ลูกน้อง” ให้เป็น “หัวหน้า”
ฝึกให้ลูกน้องคิดแทนหัวหน้าก่อนที่หัวหน้าจะคิดทำ
ให้โอกาสลูกน้องได้เป็นหัวหน้า (โดยการมอบหมายงานให้ทำ)
ร่วมกับลูกน้องกำหนดเส้นทางความก้าวหน้าในอาชีพ
พัฒนาลูกน้องตามความถนัดและเหมาะสม
ฝึกให้ลูกน้องคิดแทนหัวหน้าก่อนที่หัวหน้าจะคิดทำ
ให้โอกาสลูกน้องได้เป็นหัวหน้า (โดยการมอบหมายงานให้ทำ)
ร่วมกับลูกน้องกำหนดเส้นทางความก้าวหน้าในอาชีพ
พัฒนาลูกน้องตามความถนัดและเหมาะสม
เทคนิคการทำงานกับผู้บริหารหัวก้าวหน้า
ป้อนข้อมูลใหม่ๆ ให้ผู้บริหารได้มีโอกาสเลือก
คิดและเตรียมสิ่งใหม่ๆ ไว้ล่วงหน้า
อย่าเสี่ยง !! เถียงกับผู้บริหารในขณะที่กำลังร้อนวิชา
จงลองทำเองก่อนและค่อยใช้คนนอกมาช่วย
ป้อนข้อมูลใหม่ๆ ให้ผู้บริหารได้มีโอกาสเลือก
คิดและเตรียมสิ่งใหม่ๆ ไว้ล่วงหน้า
อย่าเสี่ยง !! เถียงกับผู้บริหารในขณะที่กำลังร้อนวิชา
จงลองทำเองก่อนและค่อยใช้คนนอกมาช่วย
การบริหารชีวิตในระหว่างเดินทางอยู่บนถนน
สายอาชีพลูกจ้าง
มองไปข้างหน้าให้มากกว่ายึดอยู่กับอดีตและติดอยู่กับปัจจุบัน คิดเสียว่าไม่มีใครอยู่กับเราตลอดชีวิต
ไม่มีมิตรและศัตรูที่ถาวรในที่ทำงาน
ทุกคนเป็นคนดี แต่เส้นทางเดินอาจจะทับกันบ้าง
คิดว่าเราเพิ่งรู้จักทุกคนในทุกวัน
มองไปข้างหน้าให้มากกว่ายึดอยู่กับอดีตและติดอยู่กับปัจจุบัน คิดเสียว่าไม่มีใครอยู่กับเราตลอดชีวิต
ไม่มีมิตรและศัตรูที่ถาวรในที่ทำงาน
ทุกคนเป็นคนดี แต่เส้นทางเดินอาจจะทับกันบ้าง
คิดว่าเราเพิ่งรู้จักทุกคนในทุกวัน
ลด ละ เลิก ค่านิยม “ใช้ก่อนผ่อนทีหลัง”
สาเหตุสำคัญที่ทำให้ค่านิยม “ใช้ก่อนผ่อนทีหลัง” เกิดขึ้นมากในสังคมไทย มีอยู่ 2 ประการ คือ
1. คนไทยชอบเห่อ หรืออยากได้ อยากมี
2. ผู้ทำธุรกิจปล่อยเงินกู้หรือขายสินค้าออกโฆษณาล่อใจเหลือเกิน (เจอโฆษณาแบบนี้ ร้อยทั้งร้อยก็ไม่รอด จอดป้ายเงินผ่อนทุกราย)
ข้อควรพิจารณาก่อนจะผ่อนอะไร สิ่งที่ผ่อนเป็นภาระหรือการลงทุน จำเป็นต่อชีวิตหรือไม่
มีเงินพอหรือไม่ (หักจากส่วนที่ต้องส่งเงินผ่อนแล้ว เหลือพอในการดำรงชีวิตหรือเปล่า ?)
สาเหตุสำคัญที่ทำให้ค่านิยม “ใช้ก่อนผ่อนทีหลัง” เกิดขึ้นมากในสังคมไทย มีอยู่ 2 ประการ คือ
1. คนไทยชอบเห่อ หรืออยากได้ อยากมี
2. ผู้ทำธุรกิจปล่อยเงินกู้หรือขายสินค้าออกโฆษณาล่อใจเหลือเกิน (เจอโฆษณาแบบนี้ ร้อยทั้งร้อยก็ไม่รอด จอดป้ายเงินผ่อนทุกราย)
ข้อควรพิจารณาก่อนจะผ่อนอะไร สิ่งที่ผ่อนเป็นภาระหรือการลงทุน จำเป็นต่อชีวิตหรือไม่
มีเงินพอหรือไม่ (หักจากส่วนที่ต้องส่งเงินผ่อนแล้ว เหลือพอในการดำรงชีวิตหรือเปล่า ?)
การวางแผนการเก็บเงิน
เทคนิคง่ายๆ คือ “หลัก 3 บัญชี” โดยให้เปิดบัญชี 3 บัญชี ดังนี้
บัญชีที่ 1 คือ บัญชีที่เงินเดือนเข้าไว้กดเอทีเอ็มสำหรับค่าใช้จ่ายแต่ละเดือน
บัญชีที่ 2 คือ บัญชีเงินออมเพื่อฉุกเฉิน เร่งด่วน(อาจจะเป็นออมทรัพย์ก็ได้)
บัญชีที่ 3 คือ บัญชีเงินออมเพื่อออกจากงาน หรือออมเพื่ออนาคต
จรรยาบรรณประจำตำแหน่งมนุษย์เงินเดือน
จงตระหนักว่าบทบาทและหน้าที่ของเราคืออะไร
จงพอใจในผลประโยชน์ที่ได้รับ
จงคิดว่ามลทินในชีวิตไม่มีน้ำยาอะไรลบออกได้
จงคิดว่าถ้าบริษัทเป็นของเรา เราจะทำหรือไม่
จงชมตัวเองทุกครั้งที่รักษาจรรยาบรรณไว้ได้
จงสอนตัวเองโดยผ่านการสอนคนอื่น
อย่าเห็นแก่ประโยชน์แม้เพียงเล็กน้อย
อย่าทำเพราะคนอื่นเขาทำกัน
อย่าคิดว่าทำแล้วไม่มีใครรู้ใครเห็น
จงตระหนักว่าบทบาทและหน้าที่ของเราคืออะไร
จงพอใจในผลประโยชน์ที่ได้รับ
จงคิดว่ามลทินในชีวิตไม่มีน้ำยาอะไรลบออกได้
จงคิดว่าถ้าบริษัทเป็นของเรา เราจะทำหรือไม่
จงชมตัวเองทุกครั้งที่รักษาจรรยาบรรณไว้ได้
จงสอนตัวเองโดยผ่านการสอนคนอื่น
อย่าเห็นแก่ประโยชน์แม้เพียงเล็กน้อย
อย่าทำเพราะคนอื่นเขาทำกัน
อย่าคิดว่าทำแล้วไม่มีใครรู้ใครเห็น
เทคนิคการทำงานอย่างมีความสุข
การรักงานที่ทำอยู่ คือประตูสู่การทำงานที่เรารัก
เปลี่ยนปัญหาให้เป็นความท้าทาย
อย่าเปิดช่องว่างให้ความเบื่อเข้ามาแทรก
อย่าระบายอารมณ์ลงที่งาน
การรักงานที่ทำอยู่ คือประตูสู่การทำงานที่เรารัก
เปลี่ยนปัญหาให้เป็นความท้าทาย
อย่าเปิดช่องว่างให้ความเบื่อเข้ามาแทรก
อย่าระบายอารมณ์ลงที่งาน
หาเงินเพื่อใช้ในการเกษียน
ถ้ารายการค่าใช้จ่ายของเราโดยปกติ มีดังนี้...
เช้า : กาแฟ ขนมปัง มาม่า น้ำผลไม้ 10+5+5+10 = 30 บาท
กลางวัน : ข้าวผัดกระเพราไข่ดาว ผลไม้ น้ำดื่ม 30+10+5 = 45 บาท
เย็น : ข้าวไข่เจียวหมูสับ แกงจืด 15+20 = 35 บาท
ค่าใช้จ่ายประจำวันเบ็ดเตล็ด = 60 บาท
รวมค่าใช้จ่ายต่อหนึ่งวันเท่ากับ 30+45+35+60 = 170 บาท
จำนวนวันทั้งหมด ตั้งแต่อายุ 56 (หลังเกษียณ) ถึง 80=25 ปีคูณ 365 วัน = 9,125 วัน
ดังนั้นเงินที่จำเป็น ต้องใช้เพื่อประทังชีวิตอยู่ขั้นต่ำเท่ากับ 9,125 คูณ 170 = 1,551,250 บาท เงินจำนวนนี้ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายที่สำคัญอื่นๆ เช่น ค่ารถ ค่าซ่อมรถ ค่าผ่อนบ้าน ค่าซ่อมบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าเสื้อผ้า ฯลฯ และที่สำคัญที่สุดคือ ค่ารักษาพยาบาลสำหรับตัวเอง และครอบครัว (ถ้ามี)แล้วคุณ คิดว่าตอนคุณอายุ 55 คุณมีเงินเก็บขั้นต่ำ หนึ่งล้านห้าแสนบาทหรือยัง ?
ถ้ารายการค่าใช้จ่ายของเราโดยปกติ มีดังนี้...
เช้า : กาแฟ ขนมปัง มาม่า น้ำผลไม้ 10+5+5+10 = 30 บาท
กลางวัน : ข้าวผัดกระเพราไข่ดาว ผลไม้ น้ำดื่ม 30+10+5 = 45 บาท
เย็น : ข้าวไข่เจียวหมูสับ แกงจืด 15+20 = 35 บาท
ค่าใช้จ่ายประจำวันเบ็ดเตล็ด = 60 บาท
รวมค่าใช้จ่ายต่อหนึ่งวันเท่ากับ 30+45+35+60 = 170 บาท
จำนวนวันทั้งหมด ตั้งแต่อายุ 56 (หลังเกษียณ) ถึง 80=25 ปีคูณ 365 วัน = 9,125 วัน
ดังนั้นเงินที่จำเป็น ต้องใช้เพื่อประทังชีวิตอยู่ขั้นต่ำเท่ากับ 9,125 คูณ 170 = 1,551,250 บาท เงินจำนวนนี้ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายที่สำคัญอื่นๆ เช่น ค่ารถ ค่าซ่อมรถ ค่าผ่อนบ้าน ค่าซ่อมบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าเสื้อผ้า ฯลฯ และที่สำคัญที่สุดคือ ค่ารักษาพยาบาลสำหรับตัวเอง และครอบครัว (ถ้ามี)แล้วคุณ คิดว่าตอนคุณอายุ 55 คุณมีเงินเก็บขั้นต่ำ หนึ่งล้านห้าแสนบาทหรือยัง ?
คำคม..คำคน..
1) “จงภูมิใจกับสิ่งที่ท่านเป็นอยู่ มีอยู่ ได้อยู่มากกว่าถามหาสิ่งที่ยังไม่เป็น ยังไม่มี หรือยังไม่ได้”
2) “คนที่มีแผนที่เดินทางย่อมไปถึงเป้าหมายได้ดีกว่าและเร็วกว่าคนที่ไม่มีแผนที่นำทางอย่างแน่นอน”
3) “ไม่มีความทุกข์ใดจะหนักและหนาเท่ากับการผ่อนหนี้ที่ก่อขึ้นมาจากความโลภและไม่ประมาณตนเอง”
4) “แบ่งหัวใจให้เรื่องสำคัญก่อนความสุขในการทำงานไม่ต้องหาจากที่ไหนมันอยู่ที่ใจของเราเอง”
5) “ความเจ็บปวดช่วยสร้างคุณค่าของการมีชีวิตเป็นปกติฉันใด การขัดแย้งกันบ้าง จะช่วยสร้างคุณค่าของความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันฉันนั้น”
1) “จงภูมิใจกับสิ่งที่ท่านเป็นอยู่ มีอยู่ ได้อยู่มากกว่าถามหาสิ่งที่ยังไม่เป็น ยังไม่มี หรือยังไม่ได้”
2) “คนที่มีแผนที่เดินทางย่อมไปถึงเป้าหมายได้ดีกว่าและเร็วกว่าคนที่ไม่มีแผนที่นำทางอย่างแน่นอน”
3) “ไม่มีความทุกข์ใดจะหนักและหนาเท่ากับการผ่อนหนี้ที่ก่อขึ้นมาจากความโลภและไม่ประมาณตนเอง”
4) “แบ่งหัวใจให้เรื่องสำคัญก่อนความสุขในการทำงานไม่ต้องหาจากที่ไหนมันอยู่ที่ใจของเราเอง”
5) “ความเจ็บปวดช่วยสร้างคุณค่าของการมีชีวิตเป็นปกติฉันใด การขัดแย้งกันบ้าง จะช่วยสร้างคุณค่าของความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันฉันนั้น”
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว..
หวังว่าคงมีประโยชน์กับคุณผู้อ่านบ้างไม่มากก็น้อย...
ข้อมูลจาก : forward
mail โดย รัตน์ชนก ยอดพินิจ อ้างถึง ณรงค์วิทย์ แสนทอง,มนุษย์เงินเดือนมืออาชีพ. กรุงเทพฯ : บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด (มหาชน),
2548
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น