วันพุธที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2559

บริบทมนุษย์เงินเดือน

มนุษย์เงินเดือน
            ถ้าคุณ...ยังคงดำรงชีวิตวนเวียนอยู่ในวัฎจักรชีวิตของมนุษย์เงินเดือน คุณควรอ่าน...   
มนุษย์เงินเดือน คือ..             "มนุษย์เงินเดือน" เป็นคนกลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่งของสังคมไทย เป็นคนที่มีศักยภาพสูง แต่หลายคนไม่ได้ดึง เอาศักยภาพที่มีอยู่มาใช้อย่างเต็มที่ ซึ่งแต่ละคนก็มีเหตุผลแตกต่างกันไป เช่น ทำมากไปก็ได้เงินเดือน เท่าเดิม ไม่มีโอกาสได้ใช้ศักยภาพที่มีอยู่  เพราะข้อจำกัดของตำแหน่งหน้าที่  ทำมาก  ทำน้อยเราก็ไม่ได้มี  แต่นายจ้างเท่านั้นที่ได้             นอกจากนี้มนุษย์เงินเดือนเกือบทุกคนอยากจะประสบความสำเร็จในชีวิตไม่ว่า จะเป็นชีวิตการทำงาน หรือชีวิตส่วนตัว บางคนพยายามดิ้นรนหาหนทางที่จะก้าวไปสู่เป้าหมาย บางคน โชคดีก็ไปถึงฝัน.. แต่อีกหลายคนที่ยังคงวนเวียนอยู่ในวัฎจักรของความฝันของตน ที่ยังไม่เป็นจริง..           
มนุษย์เงินเดือนมืออาชีพ            "มนุษย์เงินเดือน” อาชีพนี้ดีอย่างไร? ..        ได้รับรายได้แน่นอนเท่ากันทุกเดือน           
ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ โดยไม่ต้องลงทุนเอง           
มีสังคมกว้าง ทันโลกทันเหตุการณ์           
มีสวัสดิการดีกว่าคนทำกิจการส่วนตัว           
ไม่มีล้มละลาย...          
ทำงานเพียงหน้าที่ที่รับผิดชอบ           
เบื่อเมื่อไร เปลี่ยนได้ทันที           
มีวันหยุดเยอะ แถมหยุดแล้วได้เงินอีก

ข้อคิดสำหรับชีวิตการเป็นลูกจ้าง           
ต้องเข้าใจบทบาทในหน้าที่นั้นอย่างถ่องแท้           
ต้องปรับอารมณ์ให้เข้ากับบทบาทของงานในตำแหน่งที่ได้รับมอบหมาย           
ต้องพร้อมที่จะซ้อมบทบาทใหม่อยู่ตลอดเวลา           
ต้องคิดว่า “ทุกครั้งที่ทำเต็มที่ เราได้มากกว่าองค์กร”           
ต้องมีจรรยาบรรณ           
ต้องไม่เอาผลตอบแทนเป็นตัวนำ เพราะจะทำให้บทบาทการแสดงเปลี่ยนไป

มนุษย์เงินเดือนมือใหม่ ควรจะปรับตัวอย่างไร ?           
เปิดการทักทายกับทุกคน           
จดจำบุคคลสำคัญในองค์กรให้ได้           
เรียนลัดจากคนเก่าและเอกสาร           
อย่าคบคนเพียงกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเพียงกลุ่มเดียว           
ฟังและถามให้มากกว่าพูด           
เก็บข้อมูลโดยการจดบันทึก           
เข้าร่วมกิจกรรมให้มากที่สุด           
อย่าเพิ่งแสดงความคิดเห็นในเชิงลบ

เทคนิคการเปลี่ยนแนวคิดให้เป็นบวก           
คิดเข้าข้างตัวเอง..           
คบเพื่อนคิดบวก..           
คิดถึงสิ่งที่แย่กว่า..           
คิดว่าโอกาสที่มีคุณค่าคือจุดเล็กๆ ที่คนทั่วไปมองข้าม           
      สรุป : การคิดบวกถือเป็นพื้นฐานที่สำคัญสำหรับคนที่อยากจะเป็น “มนุษย์เงินเดือนมืออาชีพ” คนคิดลบเปรียบเสมือนถังขยะที่เก็บแต่สิ่งที่ไร้ค่าในขณะที่คนคิดบวกเปรียบเสมือนคลังสมบัติที่เก็บแต่สิ่งที่ล้ำค่า จงทำงานให้มากกว่าเงินเดือน

เหตุผลสำคัญที่สนับสนุนแนวคิดนี้ คือ           
ทำมาก...ได้ประสบการณ์มาก           
ทำมาก... ได้สร้างผลงานให้ปรากฏ           
ทำมาก …มีโอกาสเป็นบุคคลสำคัญขององค์กรมาก           
ทำมาก...สบายในภายหลัง

เส้นทางความก้าวหน้าในอาชีพ
            ความก้าวหน้าในอาชีพของ “มนุษย์เงินเดือน” มักจะถูกกำหนดโดยองค์กร หรือเรียกว่าระบบ “เส้นทางความก้าวหน้าในอาชีพ” การเติบโตในเส้นทางความก้าวหน้าในอาชีพจะขึ้นอยู่กับปัจจัย  2 อย่าง คือ           
        1.  ปัจจัยภายใน คือความพร้อมของตัวเราเอง
        2. ปัจจัยภายนอก คือสถานการณ์ที่เอื้อหรือไม่เอื้อต่อการเติบโต

เทคนิคการพัฒนา “ลูกน้อง” ให้เป็น “หัวหน้า”          
ฝึกให้ลูกน้องคิดแทนหัวหน้าก่อนที่หัวหน้าจะคิดทำ           
ให้โอกาสลูกน้องได้เป็นหัวหน้า (โดยการมอบหมายงานให้ทำ)           
ร่วมกับลูกน้องกำหนดเส้นทางความก้าวหน้าในอาชีพ           
พัฒนาลูกน้องตามความถนัดและเหมาะสม

เทคนิคการทำงานกับผู้บริหารหัวก้าวหน้า           
ป้อนข้อมูลใหม่ๆ ให้ผู้บริหารได้มีโอกาสเลือก           
คิดและเตรียมสิ่งใหม่ๆ ไว้ล่วงหน้า           
อย่าเสี่ยง !! เถียงกับผู้บริหารในขณะที่กำลังร้อนวิชา           
จงลองทำเองก่อนและค่อยใช้คนนอกมาช่วย

การบริหารชีวิตในระหว่างเดินทางอยู่บนถนน สายอาชีพลูกจ้าง           
มองไปข้างหน้าให้มากกว่ายึดอยู่กับอดีตและติดอยู่กับปัจจุบัน             คิดเสียว่าไม่มีใครอยู่กับเราตลอดชีวิต           
ไม่มีมิตรและศัตรูที่ถาวรในที่ทำงาน           
ทุกคนเป็นคนดี แต่เส้นทางเดินอาจจะทับกันบ้าง           
คิดว่าเราเพิ่งรู้จักทุกคนในทุกวัน

ลด ละ เลิก ค่านิยม “ใช้ก่อนผ่อนทีหลัง
            สาเหตุสำคัญที่ทำให้ค่านิยม “ใช้ก่อนผ่อนทีหลัง” เกิดขึ้นมากในสังคมไทย มีอยู่ 2 ประการ คือ
            1. คนไทยชอบเห่อ หรืออยากได้  อยากมี
            2. ผู้ทำธุรกิจปล่อยเงินกู้หรือขายสินค้าออกโฆษณาล่อใจเหลือเกิน (เจอโฆษณาแบบนี้ ร้อยทั้งร้อยก็ไม่รอด จอดป้ายเงินผ่อนทุกราย)

ข้อควรพิจารณาก่อนจะผ่อนอะไร สิ่งที่ผ่อนเป็นภาระหรือการลงทุน จำเป็นต่อชีวิตหรือไม่
มีเงินพอหรือไม่ (หักจากส่วนที่ต้องส่งเงินผ่อนแล้ว  เหลือพอในการดำรงชีวิตหรือเปล่า ?)


การวางแผนการเก็บเงิน
เทคนิคง่ายๆ คือ “หลัก 3 บัญชี” โดยให้เปิดบัญชี 3 บัญชี ดังนี้
            บัญชีที่ 1  คือ  บัญชีที่เงินเดือนเข้าไว้กดเอทีเอ็มสำหรับค่าใช้จ่ายแต่ละเดือน
            บัญชีที่ 2  คือ  บัญชีเงินออมเพื่อฉุกเฉิน เร่งด่วน(อาจจะเป็นออมทรัพย์ก็ได้)
            บัญชีที่ 3  คือ  บัญชีเงินออมเพื่อออกจากงาน หรือออมเพื่ออนาคต            

จรรยาบรรณประจำตำแหน่งมนุษย์เงินเดือน           
จงตระหนักว่าบทบาทและหน้าที่ของเราคืออะไร           
จงพอใจในผลประโยชน์ที่ได้รับ           
จงคิดว่ามลทินในชีวิตไม่มีน้ำยาอะไรลบออกได้           
จงคิดว่าถ้าบริษัทเป็นของเรา เราจะทำหรือไม่           
จงชมตัวเองทุกครั้งที่รักษาจรรยาบรรณไว้ได้           
จงสอนตัวเองโดยผ่านการสอนคนอื่น           
อย่าเห็นแก่ประโยชน์แม้เพียงเล็กน้อย           
อย่าทำเพราะคนอื่นเขาทำกัน           
อย่าคิดว่าทำแล้วไม่มีใครรู้ใครเห็น

เทคนิคการทำงานอย่างมีความสุข           
การรักงานที่ทำอยู่ คือประตูสู่การทำงานที่เรารัก           
เปลี่ยนปัญหาให้เป็นความท้าทาย           
อย่าเปิดช่องว่างให้ความเบื่อเข้ามาแทรก           
อย่าระบายอารมณ์ลงที่งาน

หาเงินเพื่อใช้ในการเกษียน
ถ้ารายการค่าใช้จ่ายของเราโดยปกติ มีดังนี้...
            เช้า :   กาแฟ ขนมปัง มาม่า น้ำผลไม้ 10+5+5+10 = 30 บาท
            กลางวัน :   ข้าวผัดกระเพราไข่ดาว ผลไม้ น้ำดื่ม 30+10+5 = 45 บาท
            เย็น :  ข้าวไข่เจียวหมูสับ แกงจืด 15+20 = 35 บาท
            ค่าใช้จ่ายประจำวันเบ็ดเตล็ด = 60 บาท
รวมค่าใช้จ่ายต่อหนึ่งวันเท่ากับ 30+45+35+60 = 170 บาท
จำนวนวันทั้งหมด ตั้งแต่อายุ 56 (หลังเกษียณ) ถึง 80=25 ปีคูณ 365 วัน = 9,125 วัน
ดังนั้นเงินที่จำเป็น ต้องใช้เพื่อประทังชีวิตอยู่ขั้นต่ำเท่ากับ 9,125 คูณ 170 = 1,551,250 บาท เงินจำนวนนี้ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายที่สำคัญอื่นๆ เช่น ค่ารถ ค่าซ่อมรถ ค่าผ่อนบ้าน ค่าซ่อมบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าเสื้อผ้า ฯลฯ และที่สำคัญที่สุดคือ ค่ารักษาพยาบาลสำหรับตัวเอง และครอบครัว (ถ้ามี)แล้วคุณ คิดว่าตอนคุณอายุ 55 คุณมีเงินเก็บขั้นต่ำ หนึ่งล้านห้าแสนบาทหรือยัง ?

คำคม..คำคน..           
1)  “จงภูมิใจกับสิ่งที่ท่านเป็นอยู่ มีอยู่ ได้อยู่มากกว่าถามหาสิ่งที่ยังไม่เป็น ยังไม่มี หรือยังไม่ได้”           
2)  “คนที่มีแผนที่เดินทางย่อมไปถึงเป้าหมายได้ดีกว่าและเร็วกว่าคนที่ไม่มีแผนที่นำทางอย่างแน่นอน”           
3)  “ไม่มีความทุกข์ใดจะหนักและหนาเท่ากับการผ่อนหนี้ที่ก่อขึ้นมาจากความโลภและไม่ประมาณตนเอง”           
4)  “แบ่งหัวใจให้เรื่องสำคัญก่อนความสุขในการทำงานไม่ต้องหาจากที่ไหนมันอยู่ที่ใจของเราเอง”           
5)  “ความเจ็บปวดช่วยสร้างคุณค่าของการมีชีวิตเป็นปกติฉันใด   การขัดแย้งกันบ้าง  จะช่วยสร้างคุณค่าของความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันฉันนั้น

            อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว.. หวังว่าคงมีประโยชน์กับคุณผู้อ่านบ้างไม่มากก็น้อย...
  ข้อมูลจาก :  forward mail  โดย รัตน์ชนก ยอดพินิจ อ้างถึง ณรงค์วิทย์ แสนทอง,มนุษย์เงินเดือนมืออาชีพ. กรุงเทพฯ : บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด (มหาชน), 2548


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น