วันพุธที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2559

การเลือกแฟรนไชส์ที่ดี ทำให้ธุรกิจมีชัยไปกว่าครึ่ง

1. การเลือกแบรนด์ ธุรกิจแฟรนไชส์มีข้อดีคือ มีชื่อเสียงอยู่แล้ว เช่น “แฟรนไชส์ 7-eleven” หากพูดถึง 7-eleven ไม่มีใครไม่รู้จักจริงมั้ยคะ ควรเป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมในระดับหนึ่ง ชื่อเสียงของสินค้าจะเป็นเครื่องมือโฆษณาที่ดี ทำให้เราไม่ต้องเหนื่อยมาก เพราะฉะนั้นจะต้องให้ความสำคัญกับแบรนด์ของแฟรนไชส์ที่กำลังจะเลือกด้วย

2. มาตรฐานและคุณภาพ เนื่องจากทุกวันนี้มีแฟรนไชส์ใหม่ผุดขึ้นเยอะอย่างกับดอกเห็ด ลอง Search หาข้อมูลของแฟนรไชส์ที่คุณกำลังสนใจสักนิด ว่ามีคนรู้จักและพูดถึงมากน้อยขนาดไหน และภาพลักษณ์เป็นไปในทางบวกหรือลบ “อย่าหลงเชื่อเมื่อเห็นว่ามีสาขาเยอะแล้วจะแปลว่าดี” การมีสาขามากๆ ไม่ได้เป็นการการันตีว่าแฟรนไชส์นี้ดีจริง บางธุรกิจเร่งขยายสาขาเพื่อสร้างแหล่งกระจายสินค้ามากเกินไป จนทำให้การควบคุมคุณภาพลดลง เพราะฉะนั้นควรดูเหตุผลอื่นๆมาประกอบกันด้วย 
3. วิสัยทัศน์ของเจ้าของแฟรนไชส์ ใครว่าเรื่องของวิสัยทัศน์จะต้องเอาไว้พิจารณากับธุรกิจใหญ่ๆ เท่านั้น… ไม่ว่าธุรกิจจะเล็กหรือใหญ่ วิสัยทัศน์ของเจ้าของ(หรือผู้บริหาร)ก็สำคัญทั้งนั้น เพราะเป็นตัวขับเคลื่อนธุรกิจไปสู่อนาคต ธุรกิจจะไปได้สวยหรือย่ำอยู่กับที่ก็ล้วนมีอิทธิพลมาจากวิสัยทัศน์ของเจ้าของ
4. กำลังซื้อ ย่านชุมชนที่คุณอยู่หรือย่านที่คุณจะทำธุรกิจ มีวิถีชีวิตกันอย่างไร…? ใครคือกลุ่มเป้าหมายของคุณ และกลุ่มเป้าหมายมีเพียงพอหรือไม่…? หากคุณอยากทำแฟรนไชส์โรงเรียนกวดวิชา ต้องพิจารณาว่าในย่านนั้นมีนักเรียนและผู้ปกครองเยอะมั้ย เพียงพอที่จะมาเรียนกับเราหรือเปล่า อยู่ไกลจากสถานศึกษามากมั้ย และนักเรียนที่มีจะเป็นกระบอกเสียงในการโฆษณาต่อให้เราได้หรือเปล่า เป็นต้น

5. คู่แข่ง ถ้าสมมุติคุณซื้อแฟรนไชส์ขายลูกชิ้น ร้านของคุณตั้งอยู่ในซอยแห่งหนึ่ง ถัดจากคุณไปไม่ถึง 200 เมตร ก็มีแฟรนไชส์ขายลูกชิ้นแบบเดียวกัน และคุณยังเห็นร้านขายลูกชิ้น(ถึงแม่จะเป็นธรรมดาที่ไม่ใช่แฟรนไชส์)อีกร้านอยู่ตรงหน้าปากซอย ถ้าคุณเจอคู่แข่งแบบนี้คงเครียดแน่ๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น