วันพุธที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2559

PhotoStage Slideshow Free Software

หลายคนไปเที่ยวในที่ต่างๆ ไม่ว่าในประเทศหรือต่างประเทศ อย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้คือการถ่ายภาพ หรือจะเป็นการถ่ายวีดีโอก็ตาม ยิ่งทุกวันนี้ถ่ายภาพง่ายๆ ผ่านกล้องมือถือของเราเองนี่แหล่ะ แน่นอนว่าภาพถ่ายนั้นเป็นสิ่งหนึ่งที่ช่วยให้เราสามารถเก็บเรื่องราวความทรงจำดีๆ ไว้ได้อีกนานแสนนาน อีกทั้งมันยังเป็นความประทับใจจากเหตุการณ์สำคัญๆ ต่างๆ ในชีวิตประจำวันของเราอีกด้วย  บางเหตุการณ์นั้นเราก็ไม่อาจหวนคืนกลับมาได้ อาจจะมีแค่ครั้งหนึ่งในชีวิตเท่านั้น หลายคนเลือกที่จะนำภาพความทรงจำเหล่านั้นไปเก็บไว้ในอัลบั้มรูปสุดประทับใจ หรือนำไปโพสต์อวดเพื่อนผ่านทางสังคมออนไลน์ต่างๆ เช่น  Facebook, Instagram เป็นต้น 


หนึ่งในทางเลือกคือการนำเรื่องราวภาพถ่ายที่ประทับใจเก็บไว้ในรูปแบบของวีดีโอ เราสามารถนำภาพถ่ายทำเป็นวีดีโอสไลด์โชว์ให้เพือนๆ ได้ดู หรือเก็บไว้ประทับใจได้ด้วยโปรแกรม PhotoStage Slideshow เราสามารถทำได้ด้วยตนเอง แบบง่ายๆ  ทำเองที่บ้านในวันว่างๆ ก็ยังได้
โปรแกรมสร้างภาพสไลด์ PhotoStage Slideshow  เป็นโปรแกรมสร้างภาพสไลด์โชว์ฟรี ซึ่งผลิตโดยค่าย NCH ที่เปิดให้เราดาวน์โหลดมาใช้งานได้อย่างฟรี ๆ โดยโปรแกรมนี้สามารถสร้างภาพสไลด์จากไฟล์ภาพของเราเอง จากไฟล์วีดีโอ และไฟล์เสียงของเรา ทำให้ออกมาเป็นสไลด์โชว์ที่สวยงามอย่างมาก โดดเด่น เป็นตัวของเราเอง ผลงานของเราเอง 
สำหรับท่านที่มีภาพถ่ายงานสำคัญ งานประทับใจ ต่างๆ เช่น งานแต่งงาน, งานเลี้ยงรุ่น, งานวันเกิด อยากสร้างเป็นภาพสไลด์ไว้เป็นดูเอง หรือให้เพื่อนๆ ดู ทางเราขอแนะนำ PhotoStage Slideshow Free Software โดยที่เราสามารถที่จะออกแบบ สร้างสรรค์งานออกมาให้เหมาะสมได้ตามที่เราต้องการได้ ด้วยโปรแกรม PhotoStage Slideshow Free Software ซึ่งได้ถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้อย่างง่าย ๆ ไม่ซับซ้อน มือใหม่ที่ต้องการสร้างภาพสไลด์โชว์ด้วยตัวเอง ก็สามารถทำได้ โดยที่ไม่ต้องไปจ้างมืออาชีพทำ ให้เสียทั้งเงินทั้งเวลาอีก 



ความสามารถของโปรแกรม PhotoStage Slideshow

- เราสามารถนำไฟล์ภาพ ไฟล์วีดีโอ และไฟล์เสียง ที่เรามีมาสร้างเป็นงานสไลด์โชว์ได้อย่างง่ายดาย
- ใส่ Effect ให้กับภาพสไลด์ได้  กำหนด Brightness,Auto Zoom,Crop,Rotate Text Overlay ได้
- ใส่ Transition สำหรับเชื่อมต่อระหว่างภาพสไลด์ให้ต่อเนื่องได้ เช่น  Fade, Wide, Reveal, Split, Cirde, File, Zoom เป็นต้น
- เขียนลง DVD สไลด์โชว์
- เปิดในเครื่องคอมพิวเตอร์ เช่น AVI WMA MPG เป็นต้น ได้
- นำไปใช้กับอุปกรณ์เคลื่อนที่ต่างๆ เช่น iPhone, iPod, PSP เป็นต้นได้
- อัพโหลดลง youtube และ Facebook ได้ในทันที
- สร้างเป็นไฟล์ Flash ได้
- เป็นโปรแกรมที่ใช้งานง่าย แค่ลากแล้ววางไฟล์ หรือใช้คำสั่งต่างๆ ที่มีอยู่

วิดีโอ คืออะไร

 วิดีโอ คือ มัลติมีเดียที่สามารถแสดงภาพเคลื่อนไหวพร้อมเสียงบรรยายได้ การนำ เสนอวิดีโอมีหลายรูปแบบ เช่น วิดีโอเพื่อ การศึกษา วิดีโอ เพื่อความบันเทิง ประโยชน์ ของวิดีโอมีมากมาย นอกจากให้ความรู้ ให้ ความบันเทิง ยังสามารถ สร้างรายได้ให้กับผู้ ใช้งาน เช่น วิดีโอนำเสนอสินค้า ผลิตภัณฑ์ ต่างๆ เป็นต้น
     การทำงานของวิดีโอมีหลาย ประเภทซึ่งสามารถเลือกใช้ได้ตามความ เหมาะสมและความต้องการของผู้ใช้งาน  เพื่อให้เข้าใจและสามารถเรียนรู้พร้อมกับ สร้างวิดีโอได้ด้วยตนเองคุณจึงไม่ควรรอช้า ที่จะทำความรู้จักกับการสร้างวิดีโอด้วยตน เองการสร้างสรรค์ผลงานของตนเองด้วย วิดีโอ สามารถทำได้ง่ายหากทุกคนสามารถ เรียนรู้และเข้าใจการสอนใช้โปรแกรมการ สร้างผลงานในรูปแบบวิดีโอ เช่น วิดีโอสอน การใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ วิดีโอการ สอนสำหรับครู วิดีโอนำเสนอผลงาน  Presentation วิดีโอWedding วิดีโอหนังสั้น ภาพยนตร์ ซึ่งโปรแกรมที่สามารถใช้สร้าง วิดีโอในปัจจุบันมีความหลากหลายให้ผู้ใช้ งานเลือกใช้เพื่อให้ตรงกับวัตถุประสงค์ของตนเอง


ชนิดของวิดีโอ แบ่งได้เป็น 2 ชนิด
1.วิดีโออนาล็อก (AnalogVideo)   เป็นวีดีโอที่ทำการบันทึกข้อมูลภาพและ เสียงให้อยู่ในรูปของสัญญาณไฟฟ้า มีลักษณะการบันทึกข้อมูลที่ให้ความคมชัดต่ำ กว่าวิดีโอแบบดิจิตอล วิดีโออนาล็อกจะใช้ เทป VHS (Video Home System) หรือ Hi –  8   ซึ่งเป็นม้วนเทปวีดีโอที่ใช้ดูกันตามบ้าน  เมื่อทำการตัดต่อข้อมูลจะทำให้ได้วิดีโอที่มี ความคมชัดต่ำ
2. วีดีโอดิจิตอล (Digital Video)  เป็นวีดีโอที่ทำการบันทึกข้อมูลภาพและ เสียงด้วยการแปลสัญญาณคลื่นให้เป็นตัวเลข  0 กับ 1  คุณภาพของวิดีโอที่ได้จะมีความใกล้ เคียงกับต้นฉบับมาก ทำให้สามารถ  บันทึก ข้อมูลลงบนฮาร์ดดิสก์ ซีดีรอม ดีวีดี หรือ อุปกรณ์บันทึกข้อมูลอื่น ๆ และสามารถ แสดงผลบนคอมพิวเตอร์ ได้อย่างมี ประสิทธิภาพ ในการผลิตมัลติมีเดียบน คอมพิวเตอร์ สามารถเปลี่ยนรูปแบบของสัญญาณอนาลอกเป็นสัญญาณดิจิตอลได้  หากผู้ใช้มีทรัพยากรทางด้านฮาร์ดแวร์และ ซอฟต์แวร์ที่เหมาะสมเท่านั้น
คุณสมบัติของวิดีโอ
วิดีโอมีคุณสมบัติที่สำคัญ  3 อย่างได้แก่   Image , Audio , Video
1.Image  ประกอบด้วยส่วนสำคัญ  2 อย่างคือ
1.Width         คือความกว้างของภาพวิดีโอ (pixels)
2.Height         คือความสูงของภาพวิดีโอ (pixels)
2.Audio   ประกอบด้วยส่วนสำคัญ   3  อย่าง  คือ
1.Duration     คือ ช่วงเวลาของเสียง (00.00.00)
2.Bit Rate      คือ อัตราการบีบอัดข้อมูลเสียง  (มีหน่วยเป็น  kbps)
3.Audio  Format     คือรูปแบบการเข้ารหัสไฟล์เสียง ( เช่น .mp3  , .wma , wav)
3.Video   ประกอบด้วยส่วนสำคัญ   4  อย่าง  คือ
1.Frame  Rate     คือ  ความเร็วในการแสดงผลภาพเคลื่อนไหว  โดยมีหน่วยเป็นเฟรมต่อวินาที (Fps)
2.Data rate         คือ การบีบอัดข้อมูลเสียงและภาพวิดีโอ  โดยมีตัว เลขบอกเป็นกิโลบิตต่อวินาที (Kpbs) หากผู้ใช้งานกำหนดค่านี้สูง จะทำให้คุณภาพของ เสียงและภาพมีความคมชัดยิ่งขึ้น แต่ขนาด ไฟล์ก็จะมีขนาดใหญ่ขึ้นด้วย
3.Video  Sample   Size  การแสดงผลความละเอียดต่อพิกเซล   โดยมีหน่วยเป็นบิต  (bit)
4.Video   compression  เป็นเทคโนโลยีการเข้ารหัส ข้อมูล ซึ่งมีผลโดยตรงต่อคุณภาพของวิดีโอ  และเป็นตัวกำหนดว่าวิดีโอนั้นจะใช้ฟอร์แมตใด

บริบทมนุษย์เงินเดือน

มนุษย์เงินเดือน
            ถ้าคุณ...ยังคงดำรงชีวิตวนเวียนอยู่ในวัฎจักรชีวิตของมนุษย์เงินเดือน คุณควรอ่าน...   
มนุษย์เงินเดือน คือ..             "มนุษย์เงินเดือน" เป็นคนกลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่งของสังคมไทย เป็นคนที่มีศักยภาพสูง แต่หลายคนไม่ได้ดึง เอาศักยภาพที่มีอยู่มาใช้อย่างเต็มที่ ซึ่งแต่ละคนก็มีเหตุผลแตกต่างกันไป เช่น ทำมากไปก็ได้เงินเดือน เท่าเดิม ไม่มีโอกาสได้ใช้ศักยภาพที่มีอยู่  เพราะข้อจำกัดของตำแหน่งหน้าที่  ทำมาก  ทำน้อยเราก็ไม่ได้มี  แต่นายจ้างเท่านั้นที่ได้             นอกจากนี้มนุษย์เงินเดือนเกือบทุกคนอยากจะประสบความสำเร็จในชีวิตไม่ว่า จะเป็นชีวิตการทำงาน หรือชีวิตส่วนตัว บางคนพยายามดิ้นรนหาหนทางที่จะก้าวไปสู่เป้าหมาย บางคน โชคดีก็ไปถึงฝัน.. แต่อีกหลายคนที่ยังคงวนเวียนอยู่ในวัฎจักรของความฝันของตน ที่ยังไม่เป็นจริง..           
มนุษย์เงินเดือนมืออาชีพ            "มนุษย์เงินเดือน” อาชีพนี้ดีอย่างไร? ..        ได้รับรายได้แน่นอนเท่ากันทุกเดือน           
ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ โดยไม่ต้องลงทุนเอง           
มีสังคมกว้าง ทันโลกทันเหตุการณ์           
มีสวัสดิการดีกว่าคนทำกิจการส่วนตัว           
ไม่มีล้มละลาย...          
ทำงานเพียงหน้าที่ที่รับผิดชอบ           
เบื่อเมื่อไร เปลี่ยนได้ทันที           
มีวันหยุดเยอะ แถมหยุดแล้วได้เงินอีก

ข้อคิดสำหรับชีวิตการเป็นลูกจ้าง           
ต้องเข้าใจบทบาทในหน้าที่นั้นอย่างถ่องแท้           
ต้องปรับอารมณ์ให้เข้ากับบทบาทของงานในตำแหน่งที่ได้รับมอบหมาย           
ต้องพร้อมที่จะซ้อมบทบาทใหม่อยู่ตลอดเวลา           
ต้องคิดว่า “ทุกครั้งที่ทำเต็มที่ เราได้มากกว่าองค์กร”           
ต้องมีจรรยาบรรณ           
ต้องไม่เอาผลตอบแทนเป็นตัวนำ เพราะจะทำให้บทบาทการแสดงเปลี่ยนไป

มนุษย์เงินเดือนมือใหม่ ควรจะปรับตัวอย่างไร ?           
เปิดการทักทายกับทุกคน           
จดจำบุคคลสำคัญในองค์กรให้ได้           
เรียนลัดจากคนเก่าและเอกสาร           
อย่าคบคนเพียงกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเพียงกลุ่มเดียว           
ฟังและถามให้มากกว่าพูด           
เก็บข้อมูลโดยการจดบันทึก           
เข้าร่วมกิจกรรมให้มากที่สุด           
อย่าเพิ่งแสดงความคิดเห็นในเชิงลบ

เทคนิคการเปลี่ยนแนวคิดให้เป็นบวก           
คิดเข้าข้างตัวเอง..           
คบเพื่อนคิดบวก..           
คิดถึงสิ่งที่แย่กว่า..           
คิดว่าโอกาสที่มีคุณค่าคือจุดเล็กๆ ที่คนทั่วไปมองข้าม           
      สรุป : การคิดบวกถือเป็นพื้นฐานที่สำคัญสำหรับคนที่อยากจะเป็น “มนุษย์เงินเดือนมืออาชีพ” คนคิดลบเปรียบเสมือนถังขยะที่เก็บแต่สิ่งที่ไร้ค่าในขณะที่คนคิดบวกเปรียบเสมือนคลังสมบัติที่เก็บแต่สิ่งที่ล้ำค่า จงทำงานให้มากกว่าเงินเดือน

เหตุผลสำคัญที่สนับสนุนแนวคิดนี้ คือ           
ทำมาก...ได้ประสบการณ์มาก           
ทำมาก... ได้สร้างผลงานให้ปรากฏ           
ทำมาก …มีโอกาสเป็นบุคคลสำคัญขององค์กรมาก           
ทำมาก...สบายในภายหลัง

เส้นทางความก้าวหน้าในอาชีพ
            ความก้าวหน้าในอาชีพของ “มนุษย์เงินเดือน” มักจะถูกกำหนดโดยองค์กร หรือเรียกว่าระบบ “เส้นทางความก้าวหน้าในอาชีพ” การเติบโตในเส้นทางความก้าวหน้าในอาชีพจะขึ้นอยู่กับปัจจัย  2 อย่าง คือ           
        1.  ปัจจัยภายใน คือความพร้อมของตัวเราเอง
        2. ปัจจัยภายนอก คือสถานการณ์ที่เอื้อหรือไม่เอื้อต่อการเติบโต

เทคนิคการพัฒนา “ลูกน้อง” ให้เป็น “หัวหน้า”          
ฝึกให้ลูกน้องคิดแทนหัวหน้าก่อนที่หัวหน้าจะคิดทำ           
ให้โอกาสลูกน้องได้เป็นหัวหน้า (โดยการมอบหมายงานให้ทำ)           
ร่วมกับลูกน้องกำหนดเส้นทางความก้าวหน้าในอาชีพ           
พัฒนาลูกน้องตามความถนัดและเหมาะสม

เทคนิคการทำงานกับผู้บริหารหัวก้าวหน้า           
ป้อนข้อมูลใหม่ๆ ให้ผู้บริหารได้มีโอกาสเลือก           
คิดและเตรียมสิ่งใหม่ๆ ไว้ล่วงหน้า           
อย่าเสี่ยง !! เถียงกับผู้บริหารในขณะที่กำลังร้อนวิชา           
จงลองทำเองก่อนและค่อยใช้คนนอกมาช่วย

การบริหารชีวิตในระหว่างเดินทางอยู่บนถนน สายอาชีพลูกจ้าง           
มองไปข้างหน้าให้มากกว่ายึดอยู่กับอดีตและติดอยู่กับปัจจุบัน             คิดเสียว่าไม่มีใครอยู่กับเราตลอดชีวิต           
ไม่มีมิตรและศัตรูที่ถาวรในที่ทำงาน           
ทุกคนเป็นคนดี แต่เส้นทางเดินอาจจะทับกันบ้าง           
คิดว่าเราเพิ่งรู้จักทุกคนในทุกวัน

ลด ละ เลิก ค่านิยม “ใช้ก่อนผ่อนทีหลัง
            สาเหตุสำคัญที่ทำให้ค่านิยม “ใช้ก่อนผ่อนทีหลัง” เกิดขึ้นมากในสังคมไทย มีอยู่ 2 ประการ คือ
            1. คนไทยชอบเห่อ หรืออยากได้  อยากมี
            2. ผู้ทำธุรกิจปล่อยเงินกู้หรือขายสินค้าออกโฆษณาล่อใจเหลือเกิน (เจอโฆษณาแบบนี้ ร้อยทั้งร้อยก็ไม่รอด จอดป้ายเงินผ่อนทุกราย)

ข้อควรพิจารณาก่อนจะผ่อนอะไร สิ่งที่ผ่อนเป็นภาระหรือการลงทุน จำเป็นต่อชีวิตหรือไม่
มีเงินพอหรือไม่ (หักจากส่วนที่ต้องส่งเงินผ่อนแล้ว  เหลือพอในการดำรงชีวิตหรือเปล่า ?)


การวางแผนการเก็บเงิน
เทคนิคง่ายๆ คือ “หลัก 3 บัญชี” โดยให้เปิดบัญชี 3 บัญชี ดังนี้
            บัญชีที่ 1  คือ  บัญชีที่เงินเดือนเข้าไว้กดเอทีเอ็มสำหรับค่าใช้จ่ายแต่ละเดือน
            บัญชีที่ 2  คือ  บัญชีเงินออมเพื่อฉุกเฉิน เร่งด่วน(อาจจะเป็นออมทรัพย์ก็ได้)
            บัญชีที่ 3  คือ  บัญชีเงินออมเพื่อออกจากงาน หรือออมเพื่ออนาคต            

จรรยาบรรณประจำตำแหน่งมนุษย์เงินเดือน           
จงตระหนักว่าบทบาทและหน้าที่ของเราคืออะไร           
จงพอใจในผลประโยชน์ที่ได้รับ           
จงคิดว่ามลทินในชีวิตไม่มีน้ำยาอะไรลบออกได้           
จงคิดว่าถ้าบริษัทเป็นของเรา เราจะทำหรือไม่           
จงชมตัวเองทุกครั้งที่รักษาจรรยาบรรณไว้ได้           
จงสอนตัวเองโดยผ่านการสอนคนอื่น           
อย่าเห็นแก่ประโยชน์แม้เพียงเล็กน้อย           
อย่าทำเพราะคนอื่นเขาทำกัน           
อย่าคิดว่าทำแล้วไม่มีใครรู้ใครเห็น

เทคนิคการทำงานอย่างมีความสุข           
การรักงานที่ทำอยู่ คือประตูสู่การทำงานที่เรารัก           
เปลี่ยนปัญหาให้เป็นความท้าทาย           
อย่าเปิดช่องว่างให้ความเบื่อเข้ามาแทรก           
อย่าระบายอารมณ์ลงที่งาน

หาเงินเพื่อใช้ในการเกษียน
ถ้ารายการค่าใช้จ่ายของเราโดยปกติ มีดังนี้...
            เช้า :   กาแฟ ขนมปัง มาม่า น้ำผลไม้ 10+5+5+10 = 30 บาท
            กลางวัน :   ข้าวผัดกระเพราไข่ดาว ผลไม้ น้ำดื่ม 30+10+5 = 45 บาท
            เย็น :  ข้าวไข่เจียวหมูสับ แกงจืด 15+20 = 35 บาท
            ค่าใช้จ่ายประจำวันเบ็ดเตล็ด = 60 บาท
รวมค่าใช้จ่ายต่อหนึ่งวันเท่ากับ 30+45+35+60 = 170 บาท
จำนวนวันทั้งหมด ตั้งแต่อายุ 56 (หลังเกษียณ) ถึง 80=25 ปีคูณ 365 วัน = 9,125 วัน
ดังนั้นเงินที่จำเป็น ต้องใช้เพื่อประทังชีวิตอยู่ขั้นต่ำเท่ากับ 9,125 คูณ 170 = 1,551,250 บาท เงินจำนวนนี้ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายที่สำคัญอื่นๆ เช่น ค่ารถ ค่าซ่อมรถ ค่าผ่อนบ้าน ค่าซ่อมบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าเสื้อผ้า ฯลฯ และที่สำคัญที่สุดคือ ค่ารักษาพยาบาลสำหรับตัวเอง และครอบครัว (ถ้ามี)แล้วคุณ คิดว่าตอนคุณอายุ 55 คุณมีเงินเก็บขั้นต่ำ หนึ่งล้านห้าแสนบาทหรือยัง ?

คำคม..คำคน..           
1)  “จงภูมิใจกับสิ่งที่ท่านเป็นอยู่ มีอยู่ ได้อยู่มากกว่าถามหาสิ่งที่ยังไม่เป็น ยังไม่มี หรือยังไม่ได้”           
2)  “คนที่มีแผนที่เดินทางย่อมไปถึงเป้าหมายได้ดีกว่าและเร็วกว่าคนที่ไม่มีแผนที่นำทางอย่างแน่นอน”           
3)  “ไม่มีความทุกข์ใดจะหนักและหนาเท่ากับการผ่อนหนี้ที่ก่อขึ้นมาจากความโลภและไม่ประมาณตนเอง”           
4)  “แบ่งหัวใจให้เรื่องสำคัญก่อนความสุขในการทำงานไม่ต้องหาจากที่ไหนมันอยู่ที่ใจของเราเอง”           
5)  “ความเจ็บปวดช่วยสร้างคุณค่าของการมีชีวิตเป็นปกติฉันใด   การขัดแย้งกันบ้าง  จะช่วยสร้างคุณค่าของความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันฉันนั้น

            อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว.. หวังว่าคงมีประโยชน์กับคุณผู้อ่านบ้างไม่มากก็น้อย...
  ข้อมูลจาก :  forward mail  โดย รัตน์ชนก ยอดพินิจ อ้างถึง ณรงค์วิทย์ แสนทอง,มนุษย์เงินเดือนมืออาชีพ. กรุงเทพฯ : บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด (มหาชน), 2548


การจัดการโลจิสติกส์

ปัจจุบันการแข่งขันทางธุรกิจมีความรุนแรง เนื่องจากการเปิดเสรีทางการค้าที่มากขึ้นทำให้องค์กรธุรกิจต้องชิงความได้เปรียบจากคู่แข่งขันด้วยวิธีการต่างๆ การจัดการโลจิสติกส์คือเป้าหมายสำคัญที่ผู้ประกอบการจะนำมาใช้เป็นแนวทางเพื่อหาวิธีลดต้นทุนการผลิตให้ต่ำลง รวมทั้งมีการจัดระบบฐานข้อมูลโลจิสติกส์เพื่อวิเคราะห์ต้นทุน การจัดการโลจิสติกส์จึงมีความสำคัญต่อการดำเนินงานของค์กรธุรกิจเป็นอย่างมาก
การจัดการโลจิสติกส์ หมายถึงอะไร
การจัดการโลจิสติกส์ หมายถึง ระบบบริหารการสั่งซื้อ การจัดลำเลียงสินค้า การเคลื่อนย้ายการจัดเตรียมวัตถุดิบ และการจัดเก็บวัตถุดิบสินค้าระหว่างการผลิต หรือเป็นกระบวนการในการจัดการวางแผน
การจัดลำเลียงสินค้าเพื่อให้มีค่าใช้จ่ายต่ำที่สุด โดยเริ่มเกี่ยวข้องตั้งแต่การจัดหาวัตถุดิบไปจนถึงมือผู้บริโภค
กิจกรรมสำคัญของโลจิสติกส์
กิจกรรมหลัก
  1.    การขนส่ง ได้แก่ การขนส่งสินค้าระหว่างสถานที่ต่างๆทั้งในและต่างประเทศ
  2.    การสินค้าคงคลัง ได้แก่ การบริหารสินค้าคงคลังเพื่อให้เกิดการหมุนเวียนหรือกระขายสินค้าออกไปอย่างมีประสิทธิภาพ
  3.    กระบวนการสั่งซื้อ ได้แก่ การบริหารจัดการในเรื่องวัตถุดิบ จัดหาวัตถุดิบที่มีคุณภาพและเพียงพอในเวลาที่เหมาะสม
กิจกรรมสนับสนุน
กิจกรรมสนับสนุนตามแนวทางการจัดการโลจิสติกส์ คือกิจกรรมที่สนับสนุนให้งานหลักดำเนินไปได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ได้แก่
  1.    การจัดการด้านโกดัง
  2.    การยกขนหรือการหีบห่อสินค้า
  3.    การจัดซื้อจัดหา
  4.    การจัดตารางผลิตภัณฑ์
  5.    การจัดการด้านข้อมูล
การจัดการโลจิสติกส์มีบทบาทสำคัญต่อความสำเร็จขององค์กรธุรกิจ ผู้ประกอบการจึงต้องมีความรู้ความเข้าใจในโลจิสติกส์พอสมควร เนื่องจากปัจจุบันองค์กรภาคเอกชนประสบปัญหาขาดแคลนบุคคลากรด้านโลจิสติกส์ โดยผู้ที่มีความรู้และประสบการณ์ด้านโลจิสติกส์มีอยู่ไม่มากในตลาดแรงงาน

การเลือกแฟรนไชส์ที่ดี ทำให้ธุรกิจมีชัยไปกว่าครึ่ง

1. การเลือกแบรนด์ ธุรกิจแฟรนไชส์มีข้อดีคือ มีชื่อเสียงอยู่แล้ว เช่น “แฟรนไชส์ 7-eleven” หากพูดถึง 7-eleven ไม่มีใครไม่รู้จักจริงมั้ยคะ ควรเป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมในระดับหนึ่ง ชื่อเสียงของสินค้าจะเป็นเครื่องมือโฆษณาที่ดี ทำให้เราไม่ต้องเหนื่อยมาก เพราะฉะนั้นจะต้องให้ความสำคัญกับแบรนด์ของแฟรนไชส์ที่กำลังจะเลือกด้วย

2. มาตรฐานและคุณภาพ เนื่องจากทุกวันนี้มีแฟรนไชส์ใหม่ผุดขึ้นเยอะอย่างกับดอกเห็ด ลอง Search หาข้อมูลของแฟนรไชส์ที่คุณกำลังสนใจสักนิด ว่ามีคนรู้จักและพูดถึงมากน้อยขนาดไหน และภาพลักษณ์เป็นไปในทางบวกหรือลบ “อย่าหลงเชื่อเมื่อเห็นว่ามีสาขาเยอะแล้วจะแปลว่าดี” การมีสาขามากๆ ไม่ได้เป็นการการันตีว่าแฟรนไชส์นี้ดีจริง บางธุรกิจเร่งขยายสาขาเพื่อสร้างแหล่งกระจายสินค้ามากเกินไป จนทำให้การควบคุมคุณภาพลดลง เพราะฉะนั้นควรดูเหตุผลอื่นๆมาประกอบกันด้วย 
3. วิสัยทัศน์ของเจ้าของแฟรนไชส์ ใครว่าเรื่องของวิสัยทัศน์จะต้องเอาไว้พิจารณากับธุรกิจใหญ่ๆ เท่านั้น… ไม่ว่าธุรกิจจะเล็กหรือใหญ่ วิสัยทัศน์ของเจ้าของ(หรือผู้บริหาร)ก็สำคัญทั้งนั้น เพราะเป็นตัวขับเคลื่อนธุรกิจไปสู่อนาคต ธุรกิจจะไปได้สวยหรือย่ำอยู่กับที่ก็ล้วนมีอิทธิพลมาจากวิสัยทัศน์ของเจ้าของ
4. กำลังซื้อ ย่านชุมชนที่คุณอยู่หรือย่านที่คุณจะทำธุรกิจ มีวิถีชีวิตกันอย่างไร…? ใครคือกลุ่มเป้าหมายของคุณ และกลุ่มเป้าหมายมีเพียงพอหรือไม่…? หากคุณอยากทำแฟรนไชส์โรงเรียนกวดวิชา ต้องพิจารณาว่าในย่านนั้นมีนักเรียนและผู้ปกครองเยอะมั้ย เพียงพอที่จะมาเรียนกับเราหรือเปล่า อยู่ไกลจากสถานศึกษามากมั้ย และนักเรียนที่มีจะเป็นกระบอกเสียงในการโฆษณาต่อให้เราได้หรือเปล่า เป็นต้น

5. คู่แข่ง ถ้าสมมุติคุณซื้อแฟรนไชส์ขายลูกชิ้น ร้านของคุณตั้งอยู่ในซอยแห่งหนึ่ง ถัดจากคุณไปไม่ถึง 200 เมตร ก็มีแฟรนไชส์ขายลูกชิ้นแบบเดียวกัน และคุณยังเห็นร้านขายลูกชิ้น(ถึงแม่จะเป็นธรรมดาที่ไม่ใช่แฟรนไชส์)อีกร้านอยู่ตรงหน้าปากซอย ถ้าคุณเจอคู่แข่งแบบนี้คงเครียดแน่ๆ

วันอังคารที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2559

แนวคิดการพัฒนาตนเอง: วิธีทำงานให้ประสบความสำเร็จและมีความสุข


ในการทำงานจริงๆ คนที่ทำงานและประสบความสำเร็จ ไม่ได้ ขึ้นอยู่กับทฤษฎี ไม่ต้องใช้ทฤษฎีก็ได้ ยกตัวอย่างเช่น ไทเกอร์วูด เวลาตีกอล์ฟ จริงๆไม่ต้องมาใช้ทฤษฎีในการตีแต่ใช้ความชำนาญ ดังนั้น หากต้องการทำอะไร ก็ให้ทำให้เกิดความชำนาญ ไม่ต้องแข็งทื่อตามทฤษฎีใด
การทำงาน ..ใครๆ ก็อยากให้ผลงานออกมาดีเยี่ยม หรือทำงานในหน้าที่ที่ตัวเองได้รับมอบหมายออกมาให้ดีที่สุด หรือเรียกว่าทำงานให้ประสบความสำเร็จตามที่เราและเจ้านายคาดหวังเอาไว้ ยิ่งกว่านั้นการทำงานให้ประสบผลสำเร็จ เพียงแค่ครั้งเดียวหรือสองครั้ง ดูจะไม่น่าพอใจมากนักในสายตาของคนทำงาน และรวมทั้งเจ้านายของคุณ ซึ่งถือเป็นเป้าหมายหลักของการทำงาน ฉะนั้นผลงานที่ออกมาจากความตั้งใจ ทุกครั้ง เราเรียกว่าการทำงานแบบนี้ว่าการทำงานที่มีประสิทธิผล หนึ่งในวิธีการที่จะช่วยให้คนทำงาน ทีมงาน และองค์กร สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิผล คือ การทบทวนผลการทำงาน แบบเหลียวหลัง แลหน้า...ไม่ว่าการทำงานของเราจะประสบความสำเร็จ หรือล้มเหลว หรือมีปัญหา เราจะนำมาเป็นบทเรียนในการเรียนรู้ ซึ่งพอจะแยกออกเป็นสังเขปได้ว่า

(1) Development : ไม่หยุดยั้งการพัฒนา

ผู้ที่จะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานได้จะต้องเป็นคนที่มีหัวใจของการพัฒนาอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบุคลิกลักษณะ พฤติกรรม หรือแม้แต่วิธีการทำงาน โดยต้องเป็นผู้ที่มีการสำรวจและประเมินความสามารถของตนเองอยู่ตลอดเวลา คอยตรวจสอบว่าเรามีจุดแข็งและจุดบกพร่องในด้านใดบ้างและพยายามที่จะหาทางพัฒนาจุดแข็งและปรับปรุงจุดบกพร่องของตนให้ดีขึ้น เช่น ถ้าไม่เก่งภาอังกฤษ..ซึ่งจำเป็นต้องนำมาใช้ในการทำงาน..ก็ควรขวนขวายหาโอกาสที่จะเรียนเพิ่มเติม นอกจากนี้ยังต้องเป็นคนที่ไม่ยึดติดกับวิธีการหรือขั้นตอนการทำงานแบบเดิม ๆ โดยควรจะหาเทคนิคและแนวทางใหม่ ๆ เพื่อพัฒนาการทำงานของตนเองให้ดีขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้นอยู่เสมอ

(2) Connection - ธุรกิจที่ดี

การมีความสัมพันธ์กันทางด้านธุรกิจ จะส่งผลให้งานต่างๆ สำเร็จได้โดยง่าย ปัจจุบัน ไม่ใช่ว่าเราเก่ง ทีมงานเก่ง ของเราดี ก็สามารถประสบความสำเร็จได้ แต่ คงไม่ง่ายนัก การมีสื่อสัมพันธ์ที่ดีจะทำให้ประสบความสำเร็จได้เร็วขึ้น

(3) Positive Thinking : คิดแต่ทางบวก

ความคิดทางบวกจะเป็นสิ่งที่ช่วยทำให้คุณมองโลกในแง่ดี มีกำลังใจและพลังที่จะทำงานต่าง ๆ ที่ได้รับมอบหมายให้ประสบผลสำเร็จ คนที่มีความคิดทางบวกจะเป็นคนที่สนุกและมีความสุขกับงานที่ทำ แสวงหาโอกาสที่จะช่วยเหลือและสนับสนุนผู้อื่นอยู่เสมอ…สำหรับผู้ที่มีความคิดในด้านลบอยู่ตลอดเวลา จะเป็นผู้ที่หมกมุ่นอยู่แต่กับปัญหา ชอบโทษตัวเองและคนรอบข้างอยู่เสมอ ขาดความคิดที่จะพัฒนาตนเองและงานที่ทำ…ในที่สุดผลงานที่ได้รับย่อมขาดประสิทธิภาพ 

(4) Endurance : มุ่งเน้นความอดทน

ความอดทนเป็นพลังของความสำเร็จ…อดทนต่อคำพูด อดทนต่อพฤติกรรมการดูหมิ่นหรือสบประมาท อดทนต่อความเครียดในการทำงาน…คนบางคนลาออกจากที่ทำงานเพราะเจอหัวหน้างานพูดจารุนแรง หรือเพียงแค่ถูกต่อว่าต่อหน้าที่ประชุมเท่านั้น…คุณรู้ไหมว่าการลาออกจากงานบ่อย ๆ นั้นเป็นสิ่งที่ไม่ดี เพราะเวลาคุณไปสมัครงานที่ไหนเค้าอาจจะมองว่าคุณเป็นคนไม่มีความอดทนเลยก็เป็นได้ (เสียประวัติการทำงานของคุณเอง) หากคุณต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่เลวร้ายหรือไม่ปรารถนา ขอเพียงแต่ให้คุณมีความอดทนและอดกลั้นเข้าไว้ แล้วคุณจะสามารถเผชิญกับปัญหาต่าง ๆ ได้สำเร็จ

(5) ความมีน้ำใจให้กับทุกๆ คน

ช่วยเหลือ อย่างจริงใจ ด้วยคำพูด หรือ จากความคิดเห็นต่างๆ ที่พยายามถ่ายทอดความรู้มาให้เป็นการแสดงให้เห็นได้เป็นอย่างดี มีน้ำใจดีงามต่อผู้อื่นและผู้ใต้บังคับบัญชา ตัดเรื่องความขึ้งโกรธออกไปจากความรู้สึกนึกคิดของตัวเอง โดยนึกถึงผู้อื่นอยู่เสมอ

(6) การทำงานที่ทุ่มเท

ให้ความคิดเห็น และช่วยเหลืออย่างเต็มที่ และ แนะนำในทุกๆด้านทุ่มเทให้กับงานจริงๆมีความคิดไม่หยุดนิ่ง ทุกๆ คนในองค์กรควรเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในการทำงาน คือให้คิดอยู่เสมอว่า เวลาทำงานไปแล้ว องค์กรจะได้อะไร ดังนั้นการทำงานจึงต้องมีการพัฒนาให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป
ที่มา : Deonetraining.com

พระราชกรณียกิจในหลวง รัชกาลที่ 9 ด้านการศึกษา

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงตระหนักดีว่า การพัฒนาการศึกษาของเยาวชนนั้น เป็นพื้นฐานอันสำคัญของประเทศชาติ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชทรัพย์จัดตั้งมูลนิธิอานันทมหิดล ให้เป็นทุนสำหรับการศึกษาในแขนงวิชาต่าง ๆ เพื่อให้นักศึกษาได้มีทุนออกไปศึกษา หาความรู้ต่อในวิชาการชั้นสูงในประเทศต่าง ๆ โดยไม่มีเงื่อนไขข้อผูกพันแต่ประการใด เพื่อที่จะได้นำความรู้นั้น ๆ กลับมาใช้พัฒนาประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้าต่อไป

H.M.K picture นอกเหนือไปจากนี้แล้ว ทรงมีพระราชดำริให้ดำเนินการจัดทำสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนขึ้น สารานุกรมชุดนี้ มีลักษณะพิเศษที่แตกต่างจากสารานุกรมชุดอื่น ๆ ที่ได้เคยจัดพิมพ์มาแล้ว กล่าวคือ เป็นสารานุกรมอเนกประสงค์ที่บรรจุเรื่องราวต่าง ๆ ที่เป็นสาระไว้ครบทุกแขนงวิชา โดยจัดแบ่งเนื้อหาของแต่ละเรื่องออกเป็นสามระดับ เพื่อที่จะให้เยาวชนแต่ละรุ่น ตลอดจนผู้ใหญ่ที่มีความสนใจ สามารถที่จะศึกษาค้นคว้าหาความรู้ ได้ตามความเหมาะสมของพื้นฐานความรู้ ของแต่ละคน โดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิในแต่ละสาขาวิชา การอุทิศเวลาและความรู้ เพื่อสนองพระราชดำริ โดยร่วมกันเขียนเรื่องต่าง ๆ ขึ้น แบ่งออกเป็น 4 สาขาวิชา คือ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์

ทรงก่อตั้งกองทุนนวฤกษ์ ในมูลนิธิช่วยนักเรียนที่ขาดแคลน ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อช่วยให้นักเรียนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ได้มีโอกาสเข้ารับการศึกษาในระดับประถมศึกษา และระดับมัธยมศึกษา ทั้งยังพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ เป็นทุนริเริ่มในการก่อสร้างโรงเรียนตามวัดในชนบท สำหรับที่จะสงเคราะห์เด็กยากจนและกำพร้า ให้ได้มีสถานที่สำหรับศึกษาเล่าเรียน โดยอาราธนาพระภิกษุเป็นครูสอนในวิชาสามัญต่าง ๆ ที่ไม่ได้ขัดต่อพระธรรมวินัย ตลอดจนช่วยอบรมศีลธรรมแก่เด็กนักเรียน ทั้งนี้ เป็นพระราชประสงค์ที่จะให้เด็กนักเรียน ได้เกิดความสัมพันธ์ระหว่างศาสนากับการศึกษาควบคู่กันไป อันจะทำให้เยาวชนของชาติ นอกจากจะมีความรู้ด้านวิชาการแล้ว ยังจะทำให้มีจิตใจที่ดี ที่ตั้งมั่นอยู่ในศีลธรรม เพื่อที่จะได้เป็นพลเมืองดีของประเทศชาติต่อไป ในอนาคต

โรงเรียนร่มเกล้า ก็เป็นสถานศึกษาในระดับมัธยมศึกษา ในหลายจังหวัดที่เกิดขึ้นจากพระราชดำริ ที่จะให้ทหารออกไปปฏิบัติภารกิจในท้องที่ทุรกันดาร ได้ทำประโยชน์ต่อชุมชน และมีส่วนช่วยเหลือประชาชนในด้านการศึกษา ตามโอกาสอันควร โดยพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ให้ทหารจัดสร้างโรงเรียนขึ้นในจังหวัดนครพนม จังหวัดสกลนคร จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปราจีนบุรีและจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นต้น เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาการขาดแคลนสถานศึกษาสำหรับเยาวชน และยังเป็นการส่งเสริมความเข้าใจอันดี ระหว่างเจ้าหน้าที่ทหารที่ไปปฏิบัติภารกิจในพื้นที่นั้น ๆ กับราษฎรเจ้าของท้องที่อีกโสตหนึ่งด้วย ซึ่งในการดำเนินงานจัดสร้างโรงเรียน ทางฝ่ายทหารได้ติดต่อประสานงานกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และฝ่ายศึกษาธิการ เพื่อเลือกสถานที่ตั้งโรงเรียนที่เหมาะสมกับความจำเป็นที่สุด ซึ่งปรากฎว่าราษฎรในท้องที่ที่มีการสร้างโรงเรียน ได้พากันร่วมอุทิศแรงกายช่วยในการก่อสร้าง ตลอดจนอุทิศทุนทรัพย์สมทบเป็นทุนในการจัดซื้ออุปกรณ์ต่าง ๆ ที่จะนำไปใช้ในการก่อสร้างโรงเรียน เพื่อเป็นการโดยเสด็จพระราชกุศลด้วย และเมื่อการก่อสร้างโรงเรียนแล้วเสร็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดโรงเรียนเหล่านั้น พร้อมทั้งพระราชทานนามว่า โรงเรียนร่มเกล้า ซึ่งในปัจจุบันมีทั้งโรงเรียนระดับประถมศึกษา และระดับมัธยมศึกษา

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
เว็บไซต์เครือข่ายกาญจนาภิเษก