วันอาทิตย์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

สตอรี่บอร์ด (Story Board)

ความหมายของสตอรี่บอร์ด(Story Board)

สตอรี่บอร์ด คือ การเขียนภาพนิ่งและข้อความเพื่อกำหนดแนวทางในการถ่ายทำหรือผลิตภาพเคลื่อนไหวในรูปแบบต่างๆ เช่น ภาพยนตร์ โฆษณา การ์ตูน สารคดี เป็นต้น เพื่อกำหนดการเล่าเรื่อง ลำดับเรื่อง จัดมุมกล้อง กำหนดเวลา ซึ่งภาพที่วาดไม่จำเป็นจะต้องละเอียดมาก แค่บอกองค์ประกอบสำคัญๆ ได้ มีการระบุถึงตำแหน่งของตัวละครที่มีความสัมพันธ์กับฉากและตัวละครอื่นๆ กรอบแสดงภาพและมุมกล้อง แสงเงา เป็นการสเกตซ์ภาพของเฟรม (Shot) ต่างๆ จากบท เปรียบเสมือนการวาดการ์ตูนในกรอบสี่เหลี่ยมแต่ละช่อง

ส่วนประกอบของสตอรี่บอร์ด(Story Board)

สตอรี่บอร์ด จะประกอบไปด้วยชุดของภาพ Sketches ของ shot ต่างๆ พร้อมคำบรรยายหรือบทสนทนาในเรื่อง ซึ่งอาจจะทำการเขียนเรื่องย่อและบทก่อน หรือ Sketches ภาพก่อนก็ได้ แล้วจึงค่อยใส่คำบรรยายลงไป อาจมีบทสนทนาหรือไม่มีบทสนทนาก็ได้ และสำหรับการกำหนดเสียงในแต่ละภาพต้องพิจารณาว่าภาพและเสียงไปด้วยกันได้หรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นเสียงดนตรี เสียงธรรมชาติหรือเสียงอื่นๆ

แนวทางในการเขียนสตอรี่บอร์ด

ควรศึกษาการหลักการเขียนเนื้อเรื่อง บทบรรยาย การกำหนดมุมกล้อง ศิลปะในการเล่าเรื่อง ซึ่งไม่ว่าจะเป็นนิทาน นิยาย ละครหรือภาพยนตร์ ล้วนแล้วแต่มีลักษณะการเล่าเรื่องคล้ายๆ กัน นั่นคือการเล่าเรื่องราวของธรรมชาติ มนุษย์หรือสัตว์ ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง ณ สถานที่ใดสถานที่หนึ่งเสมอ ดังนั้น องค์ประกอบที่สำคัญที่จะขาดไปเสียไม่ได้ก็คือ ตัวละคร สถานที่และเวลา สิ่งสำคัญในการเขียนบทก็คือ การเริ่มค้นหาวัตถุดิบหรือแรงบันดาลใจ ให้ได้ว่า เราอยากจะพูด จะนำเสนออะไร ตัวเราเองมีแนวความคิดเกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ อย่างไร ซึ่งแรงบันดาลใจเหล่านั้นจะถูกนำใช้ในการกำหนด สถานการณ์ ตัวละคร สถานที่และเวลา ของเรื่องราว

เทคนิคในการเขียนบทหรือเนื้อเรื่อง

1. ต้องมีการบรรยายสภาพและบรรยากาศของสถานที่ หรือการพรรณนาภาพอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อนำความคิดของผู้อ่านให้ซาบซึ้งในท้องเรื่อง ให้เห็นภาพฉากที่เราวาดด้วยตัวอักษรนั้นให้ชัดเจน
2. การวางโครงเรื่องมีการดำเนินเรื่องตั้งแต่เริ่มนำเรื่องจนถึงปลายยอดเรื่อง หรือที่เรียกว่า ไคลแมกซ์ (Climax) และจบเรื่องลงโดยให้ผู้อ่านเข้าใจและมีความรู้สึกตามเนื้อเรื่อง
3. การจัดตัวละครและให้บทบาทแก่ตัวละครที่สำคัญในเรื่อง เพื่อแสดงลักษณะนิสัยอย่างหนึ่งอย่างใด ที่ก่อให้เกิดเรื่องราวต่างๆ ขึ้น
4. การบรรยายเรื่อง แบบการมีตัวตนที่เข้าไปอยู่ในตัวเรื่อง และการเป็นบุรุษที่สาม ได้แก่ ตัวละครแสดงบทบาทของตนเอง เป็นวิธีที่ดีที่สุด
5. การเปิดเรื่อง อาจใช้วิธีการให้ตัวละครสนทนากัน การบรรยายตัวละคร การวางฉากและการบรรยายตัวละครประกอบ การบรรยายพฤติกรรมของตัวละครแต่ละตัวละคร ก็ได้

การจัดทำสตอรี่บอร์ด

การทำสตอรี่บอร์ดเป็นการสร้างตารางขึ้นมาเพื่อร่างภาพลงไปตามลำดับขั้นตอนของเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบ เพื่อให้มองเห็นภาพรวมของงานที่จะลงมือทำ และหากมีสิ่งที่ต้องแก้ไขเกิดขึ้น ก็จะสามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงปรับปรุงได้ หรือทำสตอรี่บอร์ดใหม่ได้ การทำสตอรี่บอร์ดนั้นโดยหลักแล้ว จะเป็นต้นแบบของการนำไปสร้างเป็นภาพจริง เหตุการณ์จริง และจะเป็นตัวกำหนดการทางานในขั้นตอนอื่นๆ ไปในตัวด้วย เช่น การเสียงพากย์ การใส่เสียงดนตรี เสียงประกอบอื่นๆ หรือเทคนิคพิเศษต่างๆ การทำสตอรี่บอร์ดจึงเป็นการร่างภาพ พร้อมกับการระบุรายละเอียดต่างๆ ที่จำเป็นที่จะต้องทำลงไป

หลักการเขียนสตอรี่บอร์ด

รูปแบบของสตอรี่บอร์ด จะประกอบไปด้วย 2 ส่วนคือ ส่วนภาพกับส่วนเสียง โดยปกติการเขียนสตอรี่บอร์ด ก็จะวาดภาพในกรอบสี่เหลี่ยม ต่อด้วยการเขียนบทบรรยายภาพหรือบทการสนทนา และส่วนสุดท้ายคือการใส่เสียงซึ่งอาจจะประกอบด้วยเสียงสนทนา เสียงบรรเลง และเสียงประกอบต่างๆ

สิ่งสำคัญที่อยู่ภายในสตอรี่บอร์ด ประกอบด้วย

  1. ตัวละครหรือฉาก ไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ สิ่งของ สถานที่หรือตัวการ์ตูน และที่สำคัญ คือ พวกเขากำลังเคลื่อนไหวอย่างไร
  2. มุมกล้อง ทั้งในเรื่องของขนาดภาพ มุมภาพและการเคลื่อนกล้อง
  3. เสียงการพูดกันระหว่างตัวละคร มีเสียงประกอบหรือเสียงดนตรีอย่างไร

วิธีการเขียนสตอรี่บอร์ด

สตอรี่บอร์ด (Story Board) คือการเขียนกรอบแสดงเรื่องราวที่สมบูรณ์ของภาพยนตร์หรือหนังแต่ละเรื่อง โดยมีการแสดงรายละเอียดที่จะปรากฏในแต่ละฉากหรือแต่ละหน้าจอ เช่น ข้อความ ภาพ ภาพเคลื่อนไหว เสียงดนตรี เสียงพูดและแต่ละอย่างนั้นมีลำดับของการปรากฏว่าอะไรจะปรากฏขึ้นก่อน-หลัง อะไรจะปรากฏพร้อมกัน เป็นการออกแบบอย่างละเอียดในแต่ละหน้าจอก่อนที่จะลงมือสร้างเอนิเมชันหรือหนังขึ้นมาจริงๆ

ข้อดีของการทำ Story Board

  1. ช่วยให้เนื้อเรื่องลื่นไหล เพราะได้อ่านทวนตั้งแต่ต้นจนจบก่อนจะลงมือวาดจริง
  2. ช่วยให้เนื้อเรื่องไม่ออกทะเล เพราะมีแผนการวาดกำกับไว้หมดแล้ว
  3. ช่วยกะปริมาณบทพูดให้พอดีและเหมาะสมกับหน้ากระดาษและบอลลูนนั้น ๆ
  4. ช่วยให้สามารถวาดจบได้ในจำนวนหน้าที่กำหนด (สำคัญสุด!)

ขั้นตอนการทำ Story Board

1.  วางโครงเรื่องหลัก ไม่ว่าจะเป็น Theme, ตัวละครหลัก, ฉาก ฯลฯ
       1.1  แนวเรื่อง
       1.2  ฉาก
       1.3  เนื้อเรื่องย่อ
       1.4  Theme/แก่น (ข้อคิด/สิ่งที่ต้องการจะสื่อ)
       1.5  ตัวละคร  สิ่งสำคัญคือกำหนดรูปลักษณ์ของตัวละครแต่ละตัวให้โดดเด่นไม่คล้ายกันจนเกินไป ควรออกแบบรูปลักษณ์ของตัวละครให้โดดเด่นแตกต่างกัน และมองแล้วสามารถสื่อถึงลักษณะนิสัยของตัวละครได้ทันที
2.  ลำดับเหตุการณ์คร่าว ๆ
            จุดสำคัญคือ ทุกเหตุการณ์จะเป็นเหตุเป็นผลซึ่งกันและกัน เหตุการณ์ก่อนหน้าจะทำให้เหตุการณ์ต่อมามีน้ำหนักมากขึ้น และต้องหา จุด Climax ของเรื่องให้ได้ จุดนี้จะเป็นจุดที่น่าตื่นเต้นที่สุดก่อนที่จะเฉลยปมทุกอย่างในเรื่อง การสร้างปมให้ผู้อ่านสงสัยก็เป็นจุดสำคัญในการสร้างเรื่อง ปมจะทำให้ผู้อ่านเกิดคำถามในใจและคาดเดาเนื้อเรื่องรวมถึงตอนจบไปต่าง ๆ นานา
3. กำหนดหน้า
4. แต่งบท
            เป็นขั้นตอนสุดท้ายก่อนลงมือวาดสตอรี่บอร์ด ควรเขียนบทพูดและบทความคิดที่จะใช้เขียนลงในหนังออกมาโดยละเอียดเพื่อที่จะได้กำหนดขนาดของบอลลูนและจัดวางลงบนหน้ากระดาษได้อย่าเหมาะสม
5. ลงมือเขียน Story Board !!!!

ตัวอย่างสตอรี่บอร์ด(Story Board)

        storyboard-2storyboard00091280x915

ulead video studio

 1.รูปแบบของการนำไฟล์วีดีโอออกไปใช้งาน  (Share)

    ขั้นตอนการนำไฟล์วีดีโอออกไปใช้งานนั้น  เป็นขั้นตอนที่สำคัญมากของโปรแกรม  หลังจากที่ตัดต่อวีดีโอเรียบร้อยแล้ว  จุดที่สำคัญก็คือ  การนำไฟล์วีดีโอออกไปใช้งานในรูปแบบต่างๆ  เช่น  เขียนลงแผ่นซีดีหรือดีวีดี  เป็นต้น

A.  Create Video File เป็นการสร้างไฟล์วีดีโอในรูปแบบต่างๆ เพื่อนำมาใช้งาน เช่น VCD, SVCD, DVD, WMV,  หรือ MPEG-4
B.  Create Sound File เป็นการนำไฟล์เสียงในคลิปวีดีโอที่ตัดเสร็จแล้วออกมาใช้งาน
C.  Create Disc เป็นการสร้างไฟล์วีดีโอแบบเขียนลงแผ่นดิสก์ในรูปแบบ VCD, SVCD  และ  DVD  (สามารถออกแบบเมนูในการเล่นได้)
D.  Export Mobile Device เป็นการนำไฟล์วีดีโอออกไปในรูปแบบ  Mobile  ที่กำลังเป็นที่นิยมปัจจุบัน เช่น  Pocket PC, Smart Phone, iPod, PSP, PDA  และ Mobile Phone
E.  Project Playback เป็นการดูตัวอย่างของผลงานที่ตัดต่อเสร็จแล้ว แล้วพร้อมที่จะนำไฟล์วีดีโอออกไปใช้งานในรูปแบบต่างๆ
            F.  DV Recording เป็นการบันทึกไฟล์วีดีโอที่ตัดเสร็จแล้วนำกลับไปลงกล้อง DV
G.  Share Video Online เป็นการสร้างไฟล์วีดีโอรูปแบบไฟล์  WMV  เพื่อนำไปใช้งานบนอินเตอร์เน็ต  ซึ่งสามารถเลือกคุณภาพของไฟล์วีดีโอที่จะนำไปใช้ได้


    2.มาตรฐานไฟล์วีดีโอแบบต่างๆ  ที่ควรรู้

    เราสามารถที่จะนำไฟล์วีดีโอที่ตัดต่อเสร็จแล้ว  ไปสร้างเป็นไฟล์วีดีโอในรูปแบบต่างๆ  เก็บไว้ในเครื่อง  โอยการคลิกที่  Create  Video  File  จะเห็นว่ามีรูปแบบวีดีโอที่จะนำมาสร้างไฟล์ได้หลายรูปแบบ  เช่น  PAL DV,  PAL DVD  ฯลฯ



  DV          :   เป็นมาตรฐานไฟล์วีดีโอที่จับภาพเข้ามาจากกล้องดิจิตอลแบบ  DV  ซึ่งไฟล์ที่จะได้เป็นไฟล์สกุล  AVI  ที่มีคุณภาพสูง  ในเวอร์ชันนี้จะมีหลายรูปแบบ  โดยมีอัตราส่วนเป็นการแสดงผลภาพอยู่ที่  720X576  ในระบบ  PAL  ถ้าหากต้องการอัดวีดีโอกลับลงไปในกล้องวีดีโอ  DV  จำเป็นต้องใช้รูปแบบนี้
  DVD       :  เป็นมาตรฐานไฟล์วีดีโอในรูปแบบ  DVD  ที่มีคุณภาพสูง ใช้การบีบอัดไฟล์แบบ
  VCD       :  เป็นมาตรฐานไฟล์วีดีโอในรูปแบบ  VCD  คุณภาพปานกลางพอใช้ได้  บีบอัดสูงด้วยมาตรฐานของระบบไฟล์แบบ  MPEG-1  อัตราส่วนการแสดงภาพอยู่ที่ 325X288  ในระบบ  PAL
  SVCD      :  เป็นมาตรฐานไฟล์วีดีโอที่คล้ายกับรูปแบบ  VCD  แต่คุณภาพทั้งระบบภาพและเสียงดีกว่า    VCD  มีการเข้ารหัสไฟล์ด้วยมาตรฐานของระบบไฟล์แบบ  MPEG-2 อัตราส่วนแสดงผลภาพอยู่ที่  480X576  ในระบบ  PAL
  MPEG-1   :  เป็นมาตรฐานไฟล์วีดีโอที่มีการบีบอัดสูง  ทำให้ไฟล์มีขนาดเล็ก  อัตราส่วนการแสดงผลอยู่ที่  325X288  ในระบบ  PAL 
  MPEG-2  :   เป็นมาตรฐานไฟล์วีดีโอที่เหมาะสมแก่การสร้างไฟล์ภาพยนตร์  หรือเก็บไว้ใช้งานในเครื่องคอมพิวเตอร์  ไฟล์  MPEG-2  เป็นไฟล์ที่มีขนาดเล็กกว่าไฟล์  AVI  โดยสามารถนำไฟล์วีดีโอที่ได้มาสร้างเป็น  SVCD  และ  DVD  ได้  อัตราส่วนการแสดงผลภาพอยู่ที่  720X576  ในระบบ  PAL
  WMV      :  เป็นมาตรฐานไฟล์วีดีโอของบริษัทไมโครซอฟท์  ได้รับความนิยมในระบบอินเตอร์เน็ต  โดยมีประเภทของการเลือกใช้งานอยู่  5  รูปแบบ  ซึ่งแต่ละรูปแบบจะมีคุณภาพที่แตกต่างกัน 
  MPEG-4  :  เป็นไฟล์วีดีโอที่มีขนาดเล็ก  จึงสามารถส่งไฟล์วีดีโอผ่านทาง  Internet  ได้อย่างรวดเร็ว  และสามารถเปิดเล่นได้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ทันที่  เหมาะสำหรับอุปกรณ์เทคโนโลยีใหม่ๆ  เช่น  iPOD, PSP  และ  Mobile Phone  เป็นไฟล์ในรูปแบบ  MPEG-4 เพื่อรองรับรูปแบบมัลติมีเดียต่างๆ  เช่น  3D  หรือการเข้ารหัสที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น 

    3.การเขียนลงแผ่น  VCD,  SVCD  และ  DVD  (Create Disc)
    การเขียนลงแผ่น  VCD,  SVCD  และ  DVD  เป็นอีกวิธีที่นิยมกันมาก  โดยสามารถนำเอาผลงานที่ได้ตัดต่อเสร็จแล้วไปใช้งานในเครื่องเล่น  VCD  และ  DVD  ซึ่งเราสามารถสร้างจากโปรแกรมนี้ได้เลย  โดยไม่ต้องติดตั้งโปรแกรมเขียนซีดีเพิ่ม  และใช้คำสั่ง Create Disc  

  •     เขียนลงแผ่น  VCD
    โดยปกติแล้วโปรแกรมจะเซตค่าให้อยู่ในรูปแบบ  DVD  จึงจำเป็นต้องเลือกรูปแบบกาเขียนให้เป็น  VCD  ก่อน  แล้วจึงจะเขียนในรูปแบบ  VCD  ได้




    4.สร้างเมนูสำหรับการเลือกชม  (Create Menu)
    ในการสร้างเมนูในการเลือกชม  VCD  หรือ  DVD  ให้สวยงาม  เราสามารถออกแบบตามวามถนัดของเราได้  โดยจะมีรูปแบบ  Template  ที่สวยงามให้เลือกใช้ตามใจชอบ  และการแก้ไขก็มายุ่งยาก
            1)นำคลิปวีดีโอเข้ามาเพิ่ม

        เป็นการเพิ่มคลิปวีดีโอเข้ามา  เพื่อนำคลิปวีดีโอนี้มาเป็นคลิปแรกก่อนเข้าสู่งานตัดต่อวีดีโอ  หรือที่เรียกว่า  First clip introductory video







            2)สร้างเมนูในการเลือกชม  VCD  หรือ  DVD

        เลือก  Template  ในเมนู  VCD  หรือ  DVD  ที่ต้องการ  แล้วจึงปรับแต่งให้ถูกใจอีกครั้ง







    4.สร้างเมนูสำหรับการเลือกชม  (Create Menu)

    ในการสร้างเมนูในการเลือกชม  VCD  หรือ  DVD  ให้สวยงาม  เราสามารถออกแบบตามวามถนัดของเราได้  โดยจะมีรูปแบบ  Template  ที่สวยงามให้เลือกใช้ตามใจชอบ  และการแก้ไขก็มายุ่งยาก

            1)นำคลิปวีดีโอเข้ามาเพิ่ม
        เป็นการเพิ่มคลิปวีดีโอเข้ามา  เพื่อนำคลิปวีดีโอนี้มาเป็นคลิปแรกก่อนเข้าสู่งานตัดต่อวีดีโอ  หรือที่เรียกว่า  First clip introductory video
            2)สร้างเมนูในการเลือกชม  VCD  หรือ  DVD
        เลือก  Template  ในเมนู  VCD  หรือ  DVD  ที่ต้องการ  แล้วจึงปรับแต่งให้ถูกใจอีกครั้ง
    6.การเรียกดูตัวอย่างงาน  (Project Playback)
    เป็นการเรียกดูงานตัดต่อที่ทำไปแล้วแบบสมบูรณ์  ก่อนที่นำผลงานออกไปใช้งานจริงหรือก่อนที่จะเขียนลงแผ่น  VCD  หรือ  DVD  ขั้นตอนการเรียกใช้ก็ไม่ยุ่งยาก
  •     ดูตัวอย่างงาน  (Project Playback)
เรียกดูผลงานที่ได้ตัดต่อไปทั้งมดเสมือนงานจริงที่นำออกมาออกไปใช้งานในรูปแบบ VCD  หรือ  DVD

    7.สร้างวีดีโอเป็นไฟล์เว็บเพจ  (Web Page)
    การสร้างวีดีโอเป็นไฟล์เว็บเพจเป็นสกุล  .htm  เพื่อนำไปใช้งานในระบบอินเตอร์เน็ต  ไฟล์ที่ได้จะมีขนาดเล็กและสามารถแสดงผลงานได้รวดเร็ว
  •        สร้างวีดีโอเป็นไฟล์เว็บเพจ  (Web Page)
        เป็นการนำไฟล์วีดีโอขึ้นโชว์บนหน้า  Web Page  ด้วยคำสั่ง  Export  เหมือนโปรแกรมตัดต่อทั่วไป



Episode III ตัดต่อวีดีโอง่ายๆด้วย Sony Vegas

การใช้งานเบื้องต้น
ก่อนเริ่มต้นตัดต่อเราควรรู้จัก คีย์ลัดที่ใช้บ่อยๆกันในคีย์บอร์ด
· ปุ่ม Space bar ใช้สำหรับ Play/ Stop หรือการเล่นการหยุด งานในtimeline
· ปุ่ม S สำหรับตัด clipให้เป็นท่อนๆ
· ปุ่ม M สำหรับ การมาร์คจุด
· Ctrl+c,Ctrl+v ,Ctrl+x การก๊อปปี้ การวาง หรือการย้าย เหมือนกับ วินโดว์เลยครับ ตัวเลือนตรงกลางของเมาส์ สำหรับยึด หด คลิป การนำงานเข้าสู่ Timeline ก็คือ คลิ๊กลากแล้ววาง หรือ คลิ๊กเมนูFile–>Import media หน้าต่างที่จะแนะนำต่อไปนี้คือหน้าต่าง Exploror มีความสำคัญคือทำหน้าที่ ค้นหา และสามารถนำเข้าสู่ Timeline ได้โดยลากแล้ววาง
การใช้งาน Transition
Transition คือ การเปลี่ยนฉากเข้าหรือออกฉาก เช่น การทำพรีเซนท์ ในพาวเวอร์พอยท์ในการเปลี่ยนหน้า หรือเข้าสู่เรื่องใหม่ เราก็จะทำ Transition มาใช้ในการเปลี่ยนเพื่อมิให้ผู้รับชมเกิดอาการเบื่อหน่าย และทำให้งานของเราดูน่าสนใจยิ่งขึ้น การนำTransition มาใช้ทำได้ดังนี้
                                             Untitled
                                             Untitled2
1. คลิกแถบ Transitions เลือกรูปแบบของTransition ทางซ้ายมือ ส่วนทางขวามือจะเป็นการแสดงผลของ Transition จากนั้นให้คลิกลาก Transition ในช่องขวามือไปจ่อที่ขอบของคลิปจนเกิดเครื่องหมายบวกขึ้น จึงปล่อย จะปรากฏหน้าต่างใหม่ขึ้นมาให้รับแก้ไข Transition ได้ดังภาพ
การใช้งาน Video FX
การใช้ Video Fx คือ การใส่เอฟเฟคให้กับวีดีโอ เช่น การทำให้คลิปของเรากลายเป็น ภาพเก่า หรือ การทำขอบเบลอ เป็นต้น การใช้วีดีโอเอฟเอ็กในวีกัส สามารถทำได้ โดยคลิ๊กลากFX นั้น ไปลงที่คลิป ที่เราต้องการดังภาพ
                                            3
การใช้งาน Media Generators
แถบ Media Generator คือ แถบเครื่องมือสำหรับสร้าง ตัวอักษร เครดิต โรล แบ๊กกราว Animation ต่างๆ โดยโปรแกรม Sony Vegas ได้รวบรวมไว้เป็นหมวดๆซึ่งง่ายและสะดวกต่อการใช้งาน
                                           4
1. แถบ Checkerboard สำหรับทำพื้นแบ๊กกราวแบบลายหมากรุกPattern ต่างๆมากมาย ซึ่งสามารถใช้งานได้โดยการ ลากแล้ววางบน Time line
2. แถบ Color Gradient หรือ การไล่เฉดสี สามารถนำมาทำAnimation ได้โดยใช้ key frameเป็นตัวกำหนด การเคลื่อนไหว
3. แถบ Credit Roll สำหรับสร้าง เครดิตโรลรูปแบบต่างๆ วิธีใช้ โดยลากแล้ว วางบนTimeline สามารถเปลี่ยนตัวอักษรได้ตามต้องการ
4. แถบ Noise Texture สำหรับทำภาพเคลื่อนไหว Animation เช่น ท้องฟ้า เปลวไฟ ลาวาต่างๆ โดยใช้ ตัว Key frame เป็นตัวกำหนดสร้าง Animetion
5. Solid Color เป็นแถบสีแบบสีเดียวล้วนๆ ใช้ทำแบ๊กกราว หรือพื้นหลังภาพ ทำแถบพื้นหลังตัวอักษรให้สวยงาม ส่วนใหญ่ใช้ทำแบ๊ก กราวสำหรับภาพ ที่มีพื้นแบบโปร่งใส
 6. แถบ Test Pattern เป็น Pattern สำหรับหัวม้วนวีดีโอ คล้ายๆกับตัวนับถอยหลัง
 7. แถบ Text สำหรับสร้างตัวอักษร เอฟเฟคตัวอักษร เป็นแถบที่ใช้ง่ายบ่อย